เมียรท.ออกมาแฉ ฉีกหน้าตร. จัดฉากซีดีสารภาพ

"ความคืบหน้า"


ความคืบหน้าในการติดตามล่าตัวผู้เกี่ยวข้อง ในเหตุการณ์ที่ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ นายทหารสังกัดกองบัญชาการกองทัพบก ช่วยราชการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ถูกจับกุมตัว ขณะขับรถเก๋งแดวู สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฐฉ 3085 กรุงเทพมหานคร ซุกซ่อนระเบิดซีโฟร์และทีเอ็นทีต่อวงจรพร้อมทำงาน ไปจอดบริเวณใต้สะพานข้ามแยกบางพลัด เส้นทางที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

ใช้เป็นประจำเวลาออกไปปฏิบัติภารกิจ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 ส.ค. ที่ผ่านมา ที่ฝ่ายทางการอ้างว่าเป็นแผนลอบสังหารนายกรัฐมนตรี กระทั่งพนักงานสอบสวนกองปราบปราม นำซีดีคำรับสารภาพของ ร.ท.ธวัชชัยออกมาเผยแพร่ ในลักษณะของการยอมรับผิดว่าเป็นผู้ขับรถบรรทุกระเบิด แต่ยังปกปิดไม่ซัดทอดถึงตัวผู้บงการหรือกลุ่มขบวนการที่อยู่เบื้องหลังเหตุดังกล่าว

โยงคาร์บอมบ์กับเหตุการณ์ บน.6

ที่กองปราบปราม เวลา 09.00 น. วานนี้ (29 ส.ค.) พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก. พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. พ.ต.อ.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.รุจิรัตน์ หรุ่มบุญเรือง รอง ผบก.ป. ร่วมประชุมวางแนวทางในการสอบสวน หลังจากนั้นชุดพนักงานสอบสวน ได้เรียกตัวชุดรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร 5 นาย มาสอบปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดของรถยนต์แดวู

คันบรรทุกระเบิดและรถกระบะนิสสัน บิ๊กเอ็ม สีฟ้า รถต้องสงสัย ที่ชุด รปภ.ของนายกรัฐมนตรี พบเห็นไปป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณท่าอากาศยานทหาร บน.6 ดอนเมือง ช่วงระหว่างที่นายกรัฐมนตรีไปกลับจากราชการที่ จ.ร้อยเอ็ด และประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 9 และ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยขณะนี้ชุดสืบสวนสามารถตรวจสอบได้แล้วว่าเป็นรถทะเบียนอะไรและใครเป็นผู้ครอบครอง


ผบก.ป.แฉมีพยานหลักฐาน


ต่อมา พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป.เดินทางไปพบ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีซุกระเบิดในรถ ก่อนให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า ขณะนี้ผู้ต้องหารับสารภาพบางส่วนแล้ว กำลังรวบรวมต่อจิ๊กซอว์ให้ได้หมด ตรงนี้จะเห็นว่ามีกลุ่มที่ดำเนินการกันมาและไม่ใช่ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ตอนนี้ผู้ต้องหารับว่าขับรถในวันที่ 22, 23 และ 24 ส.ค. แต่ วันที่ 9 และ 10 ส.ค. ที่ บน.6 ผู้ต้องหายังไม่ได้เอ่ยถึง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีพยานหลักฐาน กำลังเอาพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงมาพิจารณา

เตรียมออกหมายจับเพิ่ม

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผบ.ตร.สั่งการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พล.ต.ต.วินัยตอบว่า ผบ.ตร.ให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ตามพยานหลักฐานที่มีอยู่ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะออกหมายจับใครเพิ่มอีกหรือไม่ ผบก.ป.กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มี แต่จะต้องมีออกหมายเพิ่มเติมอีกแน่นอน กำลังรอพยานหลักฐานอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

หมวดระเบิดปฏิเสธไม่เกี่ยวข้อง

เมื่อเวลา 13.20 น. นางสังวรณ์ กลิ่นชะนะ พร้อมด้วย จ.ส.อ.อภิพล กลิ่นชะนะ ภรรยาและพี่ชายของ ร.ท. ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ไปเยี่ยม ร.ท.ธวัชชัยที่ห้องคุมขัง บก.ป. โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จ.ส.อ.อภิพลออกมากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องคดีเท่าที่สอบถาม ร.ท.ธวัชชัยบอกเพียงว่าขับรถคันเกิดเหตุไปจริง โดยได้รับค่าจ้างให้ขับรถไปจอดไว้เท่านั้น และไม่รู้ว่ามีระเบิดอยู่ในรถ ส่วนเหตุที่เกิดขึ้นที่ บน.6 ซึ่งทางตำรวจอ้างว่า ร.ท.ธวัชชัยขับรถอยู่แถวนั้น ร.ท.ธวัชชัยบอกกับว่าไม่ได้ไป แต่รับว่าขับรถคันเกิดเหตุในวันที่ 22, 23 และ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา

พี่ชายเชื่อน้องเป็นผู้บริสุทธิ์

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตลอด 3 วันที่ ร.ท.ธวัชชัย ขับรถได้สังเกตที่ด้านหลังรถหรือไม่ว่ามีวัตถุระเบิด จ.ส.อ.อภิพลกล่าวว่า ปกติน้องชายไม่ใช่เป็นคนละลาบ ละล้วง เมื่อมีคนจ้างให้ขับรถก็จะขับอย่างเดียวไม่ได้สนใจรื้อค้นสิ่งของต่างๆที่อยู่ในรถ ส่วนการขอประกันตัวน้องชาย จ.ส.อ.อภิพลเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างปรึกษาทนายเพื่อยื่นเรื่องต่อศาลอุทธรณ์ขอประกันตัว ร.ท.ธวัชชัยอีกครั้ง และอยากให้น้องชายได้รับการประกันตัวออกมา เพื่อแถลงข่าวต่อสาธารณชนว่าอะไรเป็นอะไร ซึ่งตนยังเชื่อมั่นว่าน้องชายเป็นผู้บริสุทธิ์


เมียร้องเรียนเรื่องซีดีคำสารภาพ


ด้านนางสังวรณ์ได้นำเอกสารข้อร้องเรียนถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฉบับที่ 2 มาแจกจ่ายกับผู้สื่อข่าว กรณีเจ้าพนักงานของรัฐเจตนากล่าวบิดเบือนในคดี ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ โดยเนื้อหาในข้อร้องเรียนระบุว่า ตามที่ พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท. มนตรี จำรูญ ผบช.ก. พล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป.ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าทางคดี โดยเปิดวีดิทัศน์บันทึกภาพการสอบปากคำ ร.ท.ธวัชชัย ให้สื่อมวลชน

โดยเป็นการสนทนาระหว่าง ผบก.ป. ผู้ต้องหา นายทหารพระธรรมนูญ 2 นาย คำแถลงกระทบกระเทือนถึงสิทธิและเกียรติภูมิของผู้ต้องหาและความชอบธรรมในการดำเนินคดีอย่างรุนแรง

อ้างแค่คุยกัน...ไม่มีทนาย

ส่วนสาระสำคัญที่เผยแพร่ คือ ร.ท.ธวัชชัยยอมรับว่า เป็นคนขับรถคันเกิดเหตุจริง และรู้สึกสำนึกในสิ่งที่ได้กระทำไป รวมทั้งขอรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า โดยยอมรับว่าไม่เพียงจะขับรถยนต์คันเกิดเหตุ เฉพาะวันที่ 22-24 ส.ค. อันเป็นวันเกิดเหตุเท่านั้น แต่ ยังรวมไปถึงวันที่ 9-10 ส.ค. ที่มีเหตุการณ์รถขบวนของรักษาการนายกรัฐมนตรี ประสบอุบัติเหตุชนกับรถประชาชนภายในสนามบิน บน.6 กองทัพอากาศด้วย จึงขอชี้แจงว่า 1. ร.ท.ธวัชชัยรับทราบจากคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ของรัฐแต่เพียงว่า

การพบกันครั้งนี้เป็นการพูดคุยกันธรรมดามิใช่การสอบสวน 2. บุคคลที่ ร.ท.ธวัชชัยแต่งตั้งให้เป็นทนายรับผิดชอบในคดีนี้มีอยู่ 3 คน คือ นายสิริชัย ภักดี นายนิธิกร นนทสวัสดิ์ และนายประภาส คงเมือง ส่วนบุคคลที่ พล.ต.ท.อชิรวิทย์อ้างว่าเป็นทนายความนั้นเป็นบุคคลแปลกหน้าไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด และ ร.ท.ธวัชชัยก็ไม่ทราบด้วยเช่นกัน 3. ร.ท.ธวัชชัยยอมรับแต่เพียงว่า ได้ขึ้นไปนั่งบนรถยนต์แดวู ทะเบียน ฐฉ 3085 กรุงเทพมหานคร เท่านั้น ถ้อยคำตามคำแถลงข่าวมิใช่คำกล่าวของ ร.ท.ธวัชชัย แต่อย่างใด และ 4. ขอศักดิ์ศรีและความบริสุทธิ์ยุติธรรมแห่งผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ผู้ทรงเกียรติในอดีต โปรดแทรกซึมเข้าสู่ห้วงดวงใจของตำรวจไทยทุกดวงในปัจจุบัน

วอนขอความเป็นธรรมให้สามี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนางสังวรณ์ได้นำเอกสารร้องเรียนมาแจกให้กับสื่อมวลชนแล้ว ได้ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม โดยระบุเพียงว่า เหนื่อยมากขอพักผ่อนบ้าง เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะเข้าพบ พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. เพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนหรือไม่ นางสังวรณ์กล่าวว่า คงไม่เดินทางไป แต่ขอให้สื่อมวลชนช่วยนำเสนอข้อเรียกร้องดังกล่าวเพื่อให้ความเป็นธรรมกับสามีตนบ้าง และมั่นใจว่าสามีเป็นคนดีไม่มีทางจะก่อเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังระบุว่า สามีมีนัดที่จะต้องพบแพทย์เพื่อเจาะเลือดตรวจรักษาโรคไธรอยด์ ในวันที่ 3 ก.ย.นี้ ด้วย

ผบก.ป.เยี่ยมผู้ต้องหา

ต่อมาเวลา 15.00 น. พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. เข้าไปเยี่ยม ร.ท.ธวัชชัยในห้องควบคุม จากนั้น พล.ต.ต. วินัยเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า มาดูความเป็นอยู่ของ ร.ท. ธวัชชัยว่ามีอะไรขาดตกบกพร่องหรือไม่ และมีอะไรให้ ดูแลอีกหรือไม่ ต่อข้อถามถึงภาพซีดีการสอบสวน ร.ท. ธวัชชัยที่นำมาเผยแพร่ต่อสื่อมวลชน พล.ต.ต.วินัยตอบว่า เขาพูดแล้วสบายใจ ส่วนกรณีที่ญาติออกมาคัดค้านเรื่องบันทึกของกลางและภาพการสอบสวนที่เผยแพร่ออกไปนั้น

ได้ชี้แจงให้ ร.ท.ธวัชชัยทราบแล้วว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้บันทึกของกลางตามสิ่งที่เห็น แต่ขณะนี้หน่วย เก็บกู้วัตถุระเบิด ตรวจสอบของกลางทั้งหมดกำลังจัดทำ รายละเอียดอยู่ ส่วนภาพการสอบสวนที่นำมาเผยแพร่นั้นก็มีการบันทึกภาพไว้ จึงอธิบายให้ ร.ท.ธวัชชัยเข้าใจ เขาบอกว่าจะไปทำความเข้าใจกับภรรยาและญาติอีกครั้ง


โต้ประเด็นทนาย...เพิ่งมาใหม่


ส่วนกรณีที่มีการโต้แย้งว่าทนายความที่ร่วมสอบ สวนไม่ใช่ทนายที่ผู้ต้องหาแต่งตั้งนั้น พล.ต.ต.วินัยกล่าวเพียงว่า ทนายความเพิ่งมายื่นหนังสือแต่งตั้งทนายความของผู้ต้องหาเมื่อช่วงบ่าย วันที่ 28 ส.ค. ที่ผ่านมาสำหรับความคืบหน้าในการสืบสวนขยายผลหาตัวผู้ร่วมขบวนการนั้น พล.ต.ต.วินัยกล่าวว่า เรื่องการขยายผลนั้นขอไว้ก่อน เมื่อมีความคืบหน้าอะไรแล้วจะแถลงให้ทราบเป็นระยะ แต่ขณะนี้บอกได้เพียงว่า มีการเข้าตรวจค้นจุดต้องสงสัย ส่วนรายละเอียดเป็นอย่างไรยังไม่ สามารถเปิดเผยได้ แต่ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการขออนุมัติ หมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมแต่อย่างใด

ลุยค้นห้อง จ่ายักษ์

เมื่อเวลา 15.30 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.ชัยทัต บุญขำ ผกก.ปพ.บก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ เอี่ยมแจ้งพันธุ์ รอง ผกก.ปพ.บก.ป. นำกำลังคอมมานโด พร้อมหมาย ค้นศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 1049/2549 ลงวันที่ 29 ส.ค. เข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 13/07 ชั้น 13 อาคารชุดไพลินสแควร์ 3 สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ภายในหมู่บ้าน เมืองทองธานี ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังจากสืบทราบว่าเป็นที่พักของ จ.ส.อ.ชาคริต จันทระ อายุ 31 ปี หรือจ่ายักษ์ หนึ่งในผู้ต้องสงสัย ซึ่งเกี่ยวข้องกับ รถยนต์ที่บรรทุกวัตถุระเบิด

เผ่นแน่บเปิดทีวีวีซีดีทิ้งไว้

บริเวณหน้าห้องมีป้ายระบุชื่อเจ้าของห้องคือ นายสมหมาย จี้เพชร ลูกจ้างประจำศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศพท.) ประตูมีแม่กุญแจล็อกไว้ จึงเชิญนายทหาร ที่ดูแลอาคารเข้าร่วมตรวจค้น โดยงัดแม่กุญแจเข้าไปตรวจค้น พบว่าโทรทัศน์และเครื่องเล่นวีซีดียังเปิดทิ้งไว้ คาดว่าผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจต้องการตัวรีบร้อนเผ่นหนี ก่อนหน้าเจ้าหน้าที่ไปถึงไม่นานนัก

เจอกระสุนกับลำกล้องปืนเอ็ม 16

ส่วนการตรวจค้นภายในห้องพบก้านลำกล้องปืน เอ็ม 16 บริเวณบันไดหนีไฟระหว่างชั้นที่ 12 และ 13 กระสุน ปืนเอ็ม 16 จำนวน 5 นัด กระสุนปืนขนาด 9 มม. บรรจุ อยู่ในลิ้นชักตู้ใกล้หัวเตียงนอน รวมทั้งยังพบบัตรประชาชน ระบุชื่อนายชาคริต ที่โต๊ะเครื่องแป้ง ระบุอายุ 31 ปี อยู่ เลขที่ 499/457 ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. จึงได้เก็บรวบรวมมาไว้เป็นหลักฐาน


หลบก่อนตำรวจไปถึงครึ่ง ชม.


สอบสวนทหารรักษาการณ์ที่ร่วมเข้าตรวจค้นห้องได้ความว่า ห้องพักแห่งนี้มีนายสมหมาย จี้เพชร เป็นเจ้าของ แต่ผู้พักอาศัยคือ จ.ส.อ.ชาคริต ทำงานอยู่ที่ศูนย์ การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร ส่วน จ.ส.อ.ชาคริต เพิ่งออกไปจากห้องพักดังกล่าวประมาณ 30 นาที ก่อนจะมีการเข้าตรวจค้นด้วยท่าทีที่ร้อนรน โดยไม่ได้ขับรถยนต์กระบะที่ใช้ประจำไปด้วย

รถติดสติกเกอร์ กอ.รมน.

เจ้าหน้าที่จึงแบ่งกำลังลงไปยังลานจอดรถด้านล่าง พบรถกระบะยี่ห้อนิสสัน บิ๊กเอ็ม สีฟ้า ทะเบียน บก 9162 สระแก้ว ของ จ.ส.อ.ชาคริต จอดอยู่บริเวณหน้าอาคารดังกล่าว จึงประสานงานไปยังหน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ นำเอาเครื่องมือตรวจสอบวัตถุระเบิดมาร่วมตรวจสอบสำหรับรถคันดังกล่าวกระจกทั้งสี่ด้านติดฟิล์มมืดทึบ หน้ากระจกติดสติกเกอร์ผ่านเข้า-ออก กรมแพทย์ทหารบก กอ.รมน. กรมการสารวัตรทหารบก และกองทัพบก นอกนั้นไม่พบสิ่งผิดปกติอื่นใด จึงอายัดรถคันดังกล่าวไปทำการตรวจสอบอย่างละเอียด ก่อนส่งไปตรวจพิสูจน์ที่กองพิสูจน์หลักฐานต่อไป

เผยเป็นคนไปรับรถแดวู

ส่วนสาเหตุที่ชุดสืบสวนตัดสินใจเข้าตรวจค้นห้องพักของ จ.ส.อ.ชาคริต หรือจ่ายักษ์ เนื่องจากแนวทางสืบสวนทราบว่า จ่ายักษ์เป็นลูกน้องคนสนิทและเป็นคนขับรถของ เสธ.ต. 1 ในผู้ต้องสงสัย โดยหลังจาก เสธ.ต. ซื้อรถแดวูคันที่นำไปบรรทุกระเบิดจากเต็นท์เฮียหมู ย่านอินทามระ แล้ว จ่ายักษ์เป็นคนไปรับรถ พร้อมกับจ่ายเงินค่ารถ 3 หมื่นบาท ก่อนขับรถออกกลับไป ซึ่งชุดสืบสวนสอบสวนต้องการตัวจ่ายักษ์มาสอบปากคำอย่างมาก

สงสัยขับกระบะไปชี้เป้า

ผู้สื่อข่าวยังรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา ขณะนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับจากราชการที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยทางเครื่องบินมาลงที่ท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 หรือ บน.6 มีการตรวจสอบพบว่า ก่อนที่เครื่องของนายกรัฐมนตรีจะลงจอด ชุด รปภ.ของนายกฯพบรถยนต์กระบะนิสสัน สีฟ้า จอดอยู่ในลานจอดรถหน้าอาคารที่ขบวนของนายกฯจะวิ่งผ่าน

ลักษณะคล้ายเป็นการชี้จุด ก่อนจะมีรถยนต์แดวูต้องสงสัยว่าบรรทุกวัตถุระเบิดวิ่งเข้าไปจอดแทน แต่ขบวนรถนายกฯออกไปเสียก่อน แผนการดังกล่าวกระทำไม่สำเร็จ ส่วนในวันที่ 10 ส.ค. ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมคณะเดินทางกลับมาจากประเทศกัมพูชา ช่วงออกจากสนามบินชุด รปภ. ซึ่งตามขบวนรถยังพบรถยนต์แดวู จอดอยู่ริมถนนวิภาวดีรังสิต ขาเข้า ใกล้กับร้านเจ้เล้ง

เบรกค้นบ้าน เสธ.ต.

นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่า ก่อนที่จะมีการเข้าตรวจค้นห้องพักของ จ.ส.อ.ชาคริต ทางพนักงานสอบ สวนยังได้เตรียมขออนุญาตเข้าตรวจค้นบ้านพักของ เสธ.ต.ด้วย แต่ทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงมีความเห็นว่าควรระงับไว้ก่อน เนื่องจากต้องการให้มีพยานหลักฐานให้แน่นหนามากกว่านี้


สอบปากคำเจ้าของเต็นท์ขายแดวู


ผู้สื่อข่าวรายงานวันเดียวกันว่า ชุดพนักงานสอบสวนเรียกตัวเฮียหมู เจ้าของเต็นท์รถมาสอบปากคำเข้าสำนวนการสอบสวน ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. โดยเฮียหมูอยู่ในอาการหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ร้องขอให้ ตำรวจช่วยดูแลรักษาความปลอดภัย พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก. เห็นว่าเป็นพยานปากสำคัญ จึงสั่งการให้จัดชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจตามรักษาความปลอดภัยให้พยานรายนี้แล้ว

รปภ.เข้มจัดขบวนรถนายกฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ก่อนเริ่มการประชุมเจ้าหน้าที่มีการคุมเข้มรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยรักษาความปลอดภัยล่วงหน้าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เข้าเคลียร์พื้นที่ ตรวจความเรียบร้อยตั้งแต่เช้า โดยเฉพาะบริเวณหน้าอาคารสำนักเลขาธิการ ครม. ที่ใช้เป็นสถานที่ประชุม ไม่อนุญาตให้รถยนต์ผ่านเข้า-ออกอย่างเด็ดขาด

ยกเว้นขบวนรถของ ครม. ในส่วนของจัดรูปขบวนรถของ พ.ต.ท.ทักษิณในวันเดียวกันได้จัดรูปแบบใหม่แตกต่างจากที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้จับทางได้ โดยนำรถเบนซ์กันกระสุนสีดำ 2 คัน เข้ามาอยู่ในขบวน ให้นายวิชัย ช่างเหล็ก คนขับรถประจำตัวนายกฯ ขับรถเบนซ์สีดำ ทะเบียน ษห 3836 ที่ใช้อยู่เป็นประจำวิ่งอยู่คันหน้า ขณะที่นายกฯนั่งอยู่ในรถเบนซ์สีดำอีกคัน ทะเบียน ษห 3834 วิ่งตามมา และเมื่อมาถึงประตู 6 เพื่อเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ก็ได้สั่งให้รถเบนซ์ ทะเบียน ษห 3836 ขับเลยไปจอดที่ข้างประตู 7 ส่วนรถเบนซ์คันที่นายกฯนั่งมาวิ่งลงไปจอดที่ชั้นใต้ดิน อาคาร สลค.

นายกฯฉายอีกรอบ รอดคาร์บอมบ์

ในการประชุม ครม. ซึ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ก่อนที่จะเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม นายกฯได้หยิบยกกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ขับรถบรรทุกระเบิดเตรียมลอบสังหารนายกฯมาหารือกับ ครม. ว่า เรื่องนี้กระแสข่าวการลอบสังหารตนได้รับรายงานมาตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค. และวันที่ 10 ส.ค. ก็มีรายงานมาอีก โดยตั้งแต่ก่อนวันที่ 24 ส.ค. เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจพื้นที่กันหลายรอบก็เจอรถแดวูคันที่ก่อเหตุ เป็นรถต้องสงสัยเข้าไปวิ่งอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุอยู่หลายรอบ

ซึ่งตอนเย็นวันที่ 23 ส.ค. น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ก็มาบอกว่า เราน่าจะเรียกประชุมการแก้ปัญหาภาคใต้บ้าง เพราะไม่ได้ประชุมกันนานแล้ว แต่ตนบอกไปว่าเอาเรื่องแก้ปัญหาน้ำท่วมก่อนดีกว่ามั้ย ก็เลยนัดประชุมตอนเช้าเลยเดินทางออกจากบ้านพักมาก่อนเวลาปกติ ตอนที่ขบวนรถวิ่งผ่านจุดเกิดเหตุ ยังคุยกับคนที่นั่งมาในรถด้วยกันว่า นี่ถ้าเกิดระเบิดขึ้นมาจริงๆ จะไปนั่งคุยกันอยู่ที่ไหน และพอกลับไปบ้านยังบอกคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เลยว่า ถือเป็นโชคดีที่ได้กลับบ้านมากินข้าวกับครอบครัวอีก


แฉคล้ายกับกรณีป๋าเปรม


ตอนนี้เรื่องการสืบสวนทางตำรวจได้พยานหลักฐานมากพอสมควรแล้ว แต่ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของทางตำรวจและพนักงานสอบสวนที่จะไปสอบสวนขยายผลต่อไป เรื่องการลอบสังหารนั้นก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ตอนที่เป็นรัฐบาลปีที่ 6 แต่ของตนมาเกิดเหตุตอนปีที่ 5 โดยเหตุการณ์ก็เกิดคล้ายๆกัน คือเริ่มต้นจากการป่วนก่อน มีคนที่หน้าก็คล้ายๆกันออกมาขับไล่ จนมามีการลอบสังหาร คนที่ทำก็เป็นกลุ่มคนที่คล้ายๆกันอีก

อัดหนังสือพิมพ์ลงข่าวบิดเบือน

ฝากไปถึงรัฐมนตรีด้วยว่า ถ้าใครที่จะมาเป็นนายกฯคนต่อไป บอกเลยว่า อย่าเป็นนานนะ ส่วนสื่อนั้นก็เป็นเรื่องปกติของสื่อที่ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลเขาก็ต้องตี แต่ว่าสื่อก็ต้องมีความรักชาติบ้าง อย่างหนังสือพิมพ์ ภาษาอังกฤษฉบับหนึ่งก็ลงข่าวบิดเบือน ว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ ก็ลองถ้าใครเอาไปไว้ที่บ้านตัวเองบ้างจะรู้สึกกันอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวกับ ครม.

สุริยะ อัดซ้ำดาบสอง

จากนั้นนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคไทยรักไทย จึงได้กล่าวเสริมว่าตอนนี้หนังสือพิมพ์ภาษาไทย ไม่ว่าจะเป็นไทยรัฐ เดลินิวส์ และฉบับอื่นๆ ก็ยังดีที่ยังลงข่าวไปตามข้อเท็จจริง ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำวีซีดีคำรับสารภาพของ ร.ท.ธวัชชัย มาเผยแพร่ แต่หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษฉบับนี้กลับไม่ลงเลย เพราะก่อนหน้านี้ไปเอาผลโพลอะไรก็ไม่รู้มาลงตีพิมพ์หาว่าเป็นการจัดฉาก แบบนี้มันก็ไม่ถูกต้อง

ไม่คิดว่าจะเกิดในเมืองไทย

ต่อมาเวลา 14.00 น. น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษก ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เล่าให้ ครม.ฟังถึงเหตุการณ์วางแผนลอบสังหารนายกรัฐมนตรีในวันที่ 24 ส.ค. ที่ผ่านมาว่า ไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ในเมืองไทย โดยในวันที่ 9 ส.ค. ได้รับรายงานว่า พบรถต้องสงสัยคันดังกล่าวที่ท่าอากาศยานทหาร บน.6 จนหน่วยรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีต้องนำรถนายกรัฐมนตรีหลบไปอีกเส้นทางหนึ่ง และวันที่ 10 ส.ค. หลังจากที่นายกรัฐมนตรีเดินทางกลับจากประเทศกัมพูชา

ก็ยังพบรถต้องสงสัยคันเดิมอีก แต่ว่าเกิดเหตุการณ์บางอย่างทำให้รถคันดังกล่าวไม่สามารถติดตามขบวนรถนายกรัฐมนตรีได้ ช่วงก่อนวันที่ 24 ส.ค. ได้มีการแจกจ่ายภาพรถต้องสงสัยแก่ทีมรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งวันที่ 24 ส.ค. ระหว่างที่ขบวนรถนายกรัฐมนตรีผ่านสะพานข้ามแยกบางพลัด ก็พบรถต้องสงสัยอีกครั้งจอดอยู่ใต้สะพาน จึงแจ้งให้หน่วยรักษาความปลอดภัยที่ตามมาซุ่มจับผู้ต้องหาจนเป็นผลสำเร็จ


น.พ.สุรพงษ์ ย้ำไม่ใช่เรื่องตลก


น.พ.สุรพงษ์กล่าวว่า สิ่งที่ ครม.เป็นห่วงคือ เรื่องการให้ข้อมูลเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งในและต่างประเทศ จึงขอย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ข้อมูลเช่น สำนักโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการต่างประเทศมีการให้ข้อมูลเผยแพร่ โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศที่ต้องมีบทบาทสำคัญในการให้ข้อมูลในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องตลก เพราะเป็นการจัดฉากสร้างสถานการณ์ของรัฐบาล น.พ.สุรพงษ์ตอบว่า คนที่พูดว่าเป็นเรื่องตลก ให้รอจนผลสอบสวนเสร็จก่อน

จะรู้เองว่าคนที่พูดว่าเป็นเรื่องตลกนั้นจะรับผิดชอบยังไง เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีได้แจ้งให้ ครม.ทราบหรือไม่ว่าสาเหตุการถูกลอบสังหารมาจากการแย่งชิงอำนาจในเรื่องใด น.พ.สุรพงษ์ตอบว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้พูดถึงและไม่ได้วิเคราะห์ถึงเบื้องหลังในการก่อเหตุ แค่ชี้แจงให้ฟังถึงเหตุการณ์วันที่ 24 ส.ค. เท่านั้น เรื่องคดีให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการสอบสวนหาสาเหตุการลอบสังหารต่อไป

ปัดข้อเสนอ ปชป.ตั้ง กก. 4 ฝ่าย

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการระบุว่า นายกรัฐมนตรีเข้าไปชี้นำผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ น.พ.สุรพงษ์ ตอบว่า นายกฯไม่เคยยุ่งกับรูปคดี และรัฐบาลไม่เคยพูดเรื่องความคืบหน้าทางคดีโดยปล่อยให้เป็นการทำหน้าที่ของตำรวจ ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอให้ตั้งคณะกรรมการ 4 ฝ่าย เพื่อความเป็นธรรมในการสอบสวนนั้น เห็นว่าการตั้งคณะกรรมการ 4 ฝ่ายเป็นการหลงประเด็น และไม่ใช่ประเด็นยุติข้อพิพาท เพราะสุดท้ายแล้วกระบวนการยุติธรรมจะไปสิ้นสุดที่ชั้นศาล ไม่ใช่ที่คณะกรรมการ 4 ฝ่าย

เนวินฉุนเรื่องจัดฉากฟ้องกราวรูด

ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 08.45 น. นายเนวิน ชิดชอบ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม. ถึงการดำเนินคดีตามกฎหมายกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่กล่าวหาว่านายเนวินอยู่เบื้องหลังการจัดฉากสร้างสถานการณ์วางระเบิดลอบสังหารนายกฯ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบรวบรวมหลักฐาน และจะให้ดำเนินการยื่นฟ้องอย่างเร็วที่สุด คาดว่าในสัปดาห์หน้าทนายความจะดำเนินการได้แล้วเสร็จ ส่วนจะฟ้องในข้อหาใดบ้างได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายดูทั้งหมด

หากเรื่องใดทำให้เสียหาย และสามารถฟ้องร้องได้ก็จะดำเนินการทันที เมื่อถามว่ามีความชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ว่าเนื้อหาคำปราศรัยมีการพาดพิงมาถึงตัวนายเนวินอย่างชัดเจน รมต.ประจำสำนักนายกฯกล่าวว่า คนที่ได้ฟังและอ่านหนังสือพิมพ์ผู้จัดการก็คงเข้าใจตรงกันหมดว่า เป็นการกล่าวหาทำให้ตนเสียหาย และเมื่อวันที่ 28 ส.ค. ผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ออกมาชัดเจน จึงต้องใช้สิทธิตามกฎหมาย ทั้งนี้ไม่หนักใจอะไรที่ต้องมาฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อถามถึงกรณีที่มีประชาชนจากกลุ่มรากหญ้ารวมตัวกันไปชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เพื่อร้องขอชีวิตนายกรัฐมนตรี นายเนวินกล่าวเพียงว่า ไม่มีความเห็น


รองโฆษก ปชป.ชี้ซีดีสารภาพชี้นำ


อีกด้านหนึ่งนายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่ตำรวจให้เปิดเผยวีซีดีคำให้การของ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ผู้ต้องหาคดีลอบสังหารนายกฯ ว่าเป็นการจัดฉากบิดเบือนประเด็น เพื่อชี้นำสังคมให้เชื่อว่าผู้ต้องหาคดีนี้เจตนาลอบทำร้ายนายกฯ โดยมีข้อสังเกตคือ 1. เนื้อหาคำให้การไม่เกี่ยวกับการสังหารใคร เป็นเพียงคำพูดตามความรู้สึกและวกวน 2. อาจเป็นการภาคเสธคือกึ่งปฏิเสธในข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามอย่างยิ่งที่จะบอกว่ารถคันนี้ต้องการสังหารนายกฯ ทั้งที่เป็นเรื่องไกลเกินเหตุและพยายามต่อจิ๊กซอว์ ซึ่งการสอบสวนไม่มีหลักค้ำประกันอะไรว่าผู้ต้องหาไม่ถูกบังคับ

ตำรวจรีบสรุปเร็วเกินไป

นายสาธิตกล่าวอีกว่า พรรคมีข้อสงสัยที่อยากถามว่า 1. ทำไมตำรวจจึงรีบสรุปและต่อจิ๊กซอว์ให้ไปสู่เป้าหมายว่าทำเพื่อทำร้ายนายกฯ 2. ทำไมไม่เก็บรวบรวมพยานหลักฐานไปให้ฝ่ายสืบสวนเพื่อขยายผล 3. ทำไมไม่ตั้งประเด็นเหมือนคดีอื่นอย่างเช่นเป็นการสร้างสถานการณ์หรือเกี่ยวโยงกับสถานการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ เป็นต้น 4. ทำไมต้องเอาวีซีดีมาเปิดเผยต่อสาธารณชนทั้งที่เป็นความลับ ซึ่งจากกระบวนการทั้งหมดเป็นความพยายามจัดฉากให้เห็นว่าคำพูดของนายกฯ เป็นความจริง

องอาจ เบรกรัฐบาลอย่าแทรกแซง

ขณะที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนได้ดำเนินการทุกอย่างไปตามธงที่ตั้งเอาไว้ว่าเป็นการลอบสังหารนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคอยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่สอบสวนตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และขอให้ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองอย่าได้แทรกแซงสั่งการเพื่อหวังผลทางการเมือง โดยเฉพาะที่ทางรัฐบาลบอกว่าเหตุที่คนเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างสถานการณ์ เพราะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพรรคประชาธิปัตย์ออกมาพูดเรื่องนี้กันมากนั้น ตนอยากให้ย้อนกลับไปดูว่าคนที่ออกมาพูดเรื่องนี้หลังเกิดเหตุการณ์มากที่สุด คือคนในรัฐบาล

พัลลภ ซัด จนท.โยงความผิด

วันเดียวกัน พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (รอง ผอ.กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.กลาโหม ว่า ตอนนี้เป็นห่วงลูกน้องใน กอ.รมน. เพราะเราอยู่กันอย่างพี่น้อง ดูแลกันอยู่ ขณะนี้มีความพยายามของเจ้าหน้าที่ที่จะโยงความผิดให้มาถึงตน โดยสืบจากคนใกล้ตัวในสำนักงาน ต้องยอมรับว่ามีลูกน้องเก่าๆ และได้รับการฝากฝังจากผู้ใหญ่ในกองทัพถึง 87 คน ส่วนใหญ่ไม่มีตำแหน่งก็ขอมาอยู่กับที่สำนักงาน ระดับพลตรีมี 7 นาย พันเอก 10 กว่านาย นอกนั้นเป็นระดับนายร้อยลงไปถึงนายสิบ เราจะไปดูแลทุกๆคน ทุกฝีก้าวคงไม่ได้


เผยลูกน้องผวากันหมดแล้ว


เมื่อถามว่า กรณีของ พล.ต.สมาน เกษรอินทร์ ที่ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ และ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ผู้ต้องหาที่ถูกจับ มีความสัมพันธ์กันอย่างไร พล.อ.พัลลภกล่าวว่า แต่เดิม พล.ต.สมานเป็นนายทหารติดตาม พล.อ.วัฒนชัย วุฒิศิริ อดีต รมช.กลาโหม สมัยที่ตนเป็นเลขานุการ พล.อ.วัฒนชัย และ ร.ท.ธวัชชัย เป็นคนขับรถให้ตน ทั้งสองมีความสนิทสนมกันเพราะอยู่ในสำนักงานเดียวกัน พล.ต.สมานไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่รั้วบ้านติดกับบ้านนายกรัฐมนตรี ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 ทำให้ตำรวจพยายามโยงว่า

พล.ต.สมาน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางแผนในครั้งนี้ ส่วน ร.ท.ธวัชชัย เป็นคนเรียบร้อย เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ถ้าสังเกตดีๆ มือขวาพิการ จะไม่มีแรง เนื่องจากถูกมีดปาดเอ็นขาดขณะปอกมะพร้าว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้มั่นใจว่า ร.ท.ธวัชชัยโดนหลอกใช้มากกว่า ขณะนี้พวกลูกน้องต่างอยู่ในอาการขวัญผวาไปหมดแล้ว แต่สำหรับตนรู้สึกเฉยๆ เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล

กลุ่ม จปร.7 โดนเกือบหมด

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความพยายามโยงถึง พล.ต. มนูญกฤต รูปขจร อดีต ส.ว.สระบุรี กับท่านผู้วางแผนสังหารนายกรัฐมนตรี พล.อ.พัลลภหัวเราะก่อนจะกล่าวว่า ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมนายกรัฐมนตรีถึงไม่ถูกกับ พล.ต.มนูญกฤต และมีความเป็นไปได้ว่า พยายามโยงให้มาเกี่ยวข้องกับตน เพราะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันมา แถมยังโยงไปถึง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พล.ท.ไพรัช สวามิวัสดิ์ ถ้า พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตต์ ไม่ตายเสียก่อน คงพยายามโยงไปให้ถึงเพื่อน จปร.7 ทุกๆคนก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

อ้างถูกล่าเอาชีวิตเหมือนกัน

นายกรัฐมนตรีข้องใจและโกรธผมมาก เพราะไปสนับสนุน พล.ต.จำลองในการร่วมประท้วงขับไล่ นายกรัฐมนตรี ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่คุยกับผมมาปีกว่า คนเราโกรธกันจะมาคุยกันทำไม ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมมองว่าเป็นการสร้างสถานการณ์กลบกระแส และพยายามโยงบุคคลต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งจะสังเกตได้จากภายหลังจากที่ถูกคนติดตามเพื่อเอาชีวิตหลังจากออกสนามกอล์ฟและขับรถมาตามเส้นทางถนนวิภาวดี ก็ถูกรถปิกอัพชนท้ายรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ตามประกบ ทำให้เอะใจว่าจะถูกคนลอบทำร้าย แต่ก็รอดมาได้ พล.อ.พัลลภกล่าว

ซัดกลับคุณหญิงสุดารัตน์

ผู้สื่อข่าวถามว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ออกมาระบุว่า ท่านเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาล พล.อ.พัลลภกล่าวว่า พูดอย่างนั้นคงไม่ถูก แต่สำหรับคุณหญิงสุดารัตน์ พูดเช่นนั้นตนไม่ได้แปลกใจ เพราะเพิ่งรู้จักกันสมัยที่มาที่พรรคไทยรักไทย แต่ พล.ต.จำลอง อยู่กับคุณหญิงสุดารัตน์มาตั้งแต่พรรคพลังธรรมเป็นคนปั้นเขาขึ้นมา ยังถูกเขาด่าเลย กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังเรียกคุณหญิงสุดารัตน์ว่า อ.ต.ล. ซึ่งไปแปลกันเอาเองก็แล้วกัน ถ้าจำกันได้คุณหญิงสุดารัตน์ เคยไล่ พล.ต.จำลองไปเลี้ยงหมา คนแบบนี้อยากฝากให้ไปบอกด้วยว่า ขอให้เจริญๆ ไม่ติดใจและไม่แปลกใจอะไรกับพฤติกรรมของผู้หญิงคนนี้


สั่งพักราชการ ธวัชชัย


ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงกลาโหมว่า พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ลงนามในคำสั่งเพื่อนำเรียน พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม ในคำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ 621/2549 เรื่อง ให้นายทหารสัญญาบัตรพักราชการ โดยให้ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ หมายเลขประจำตัว 1264901156 (เหล่า กส.) ประจำ บก.ทบ. พักราชการในระหว่างสอบสวนคดีอาญา เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ามีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้ รับอนุญาต ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2549 เป็นต้นไป

ผบ.ทบ.รอรายงานเรื่องคาร์บอมบ์

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีที่ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ยอมรับสารภาพเป็นคนขับรถบรรทุกระเบิดว่า เป็นเรื่องส่วนบุคคล ต้องว่ากันไปตามกฎระเบียบของการสืบสวนของตำรวจ ส่วนความคืบหน้าที่กองทัพบกตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อ เท็จจริงนั้น ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ ยังไม่ได้ส่งผลสอบสวนมา เมื่อถามถึงกระแสข่าวมี พล.ต.บางคนใน กอ.รมน.ไปเกี่ยวข้องกับคดีด้วย พล.อ.สนธิกล่าวว่า ไม่น่ามีผลกระทบกับกองทัพบก

อย่าโยนปมบึมนายกฯเป็นการเมือง

ด้าน พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว. กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวมีทหาร 4 คน เข้าไปเกี่ยวข้องกับการวางแผนลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้ ผบ.ทบ.ยังไม่ได้ส่งรายชื่อทหารทั้ง 4 คนมาให้ แต่เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรายงานมาให้ตนทราบ เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในสำนวนสอบสวนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ได้ให้หน่วยข่าวติดตามเรื่องนี้อยู่เช่นกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ต้องหาด้วย กองทัพจึงให้นายทหารพระธรรมนูญไปร่วมฟังการสอบสวนตลอด ถ้ามีความผิดก็ต้องว่าไปตามจริง

อยากขอร้องว่า อย่านำเรื่องนี้มาเล่นเป็นการเมืองหมด เพราะเป็นเรื่องร้ายแรง ใครทำไม่ถูกต้องก็ต้องถูกประณาม ปัญหาอยู่ที่ว่าเอาระเบิดไปวางไว้บริเวณนั้นทำไม และใครใช้ให้ทำ ไม่ใช่ว่าระเบิดพร้อมทำงานหรือไม่ และคนที่เข้าไปควบคุมตัวทหารครั้งแรกก็คือทหาร ไม่ใช่ตำรวจ ดังนั้น ทางการเมืองทุกพรรคจึงต้องช่วยกันประณามคนสร้างความรุนแรง ไม่ใช่หยิบมาเป็นเรื่องสนุกสนาน หากเป็นการสร้างสถานการณ์ จริงคงไม่มีการจับกุมผู้ต้องหา

ให้ไปถามนายกฯสาเหตุปลด พัลลภ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนำซีดีคำรับสารภาพของผู้ต้องหามาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน มองว่ามีนัยอะไรหรือไม่ พล.อ.ธรรมรักษ์ตอบว่า ไม่ทราบ ต้องไปถามเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีการปลด พล.อ. พัลลภ ปิ่นมณี ออกจากตำแหน่งรอง ผอ.กอ.รมน. รัฐบาลยังชี้แจงไม่ชัดเจนว่ามีสาเหตุมาจากอะไร พล.อ.ธรรมรักษ์ ตอบว่า การปลด พล.อ.พัลลภ เพราะตำแหน่งใน กอ.รมน. จะให้ข้าราชการประจำเป็นผู้ทำ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็น ผอ.กอ.รมน.ไว้ใจ พล.อ.พัลลภ จึงให้ไปเป็น รอง ผอ.กอ.รมน. ซึ่งสาเหตุจริงๆของการปลด คงต้องไปถามนายกรัฐมนตรีเองว่า เป็นเพราะผู้ต้องหาคนดังกล่าวเป็นคนขับรถของ พล.อ.พัลลภหรือไม่


ชิดชัย ชม ธวัชชัย ลูกผู้ชาย


ด้าน พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบกล่องต้องสงสัยที่มีผู้ไม่หวังดีนำไปวางไว้บริเวณปากซอยเข้าบ้านนายกรัฐมนตรีเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 28 ส.ค. ที่ผ่านมาว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นลักษณะของการก่อกวนธรรมดา ส่วนจะเชื่อมโยงกับเหตุการณ์พบรถแดวูขนวัตถุระเบิดก่อนหน้านี้หรือไม่นั้น ทางเจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนอยู่ เมื่อถามถึงกรณีที่ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ผู้ต้องหาขับรถขนระเบิดยอมรับว่า เป็นคนขับรถคันดังกล่าวจริง พล.ต.อ. ชิดชัยกล่าวว่า ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี

เป็นลูกผู้ชายที่ออกมาพูดความจริง ไม่เช่นนั้นก็จะทำให้คนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องวิจารณ์ กันไปมากมาย ทำให้บ้านเมืองสับสนไปหมด ส่วนที่ผู้ต้องหาไม่ยอมพาดพิงไปถึงตัวผู้บงการเบื้องหลังนั้น ก็ถือเป็นหน้าที่ที่เราจะต้องขยายผลต่อไป โดยต้องหาพยานหลักฐานอื่นเชื่อมโยง ซึ่งทราบว่ามีความคืบหน้าไปมาก ทั้งนี้มั่นใจว่าจะสามารถสาวไปได้แม้ว่า ร.ท.ธวัชชัย ไม่ยอมให้ข้อมูล เพราะมีพยานหลักฐานอื่นที่จะสามารถสาวไปถึงได้ เมื่อถามว่าจะเชิญ พล.ต.สมาน เกษรอินทร์ นายทหารนอกราชการ ซึ่งถูกระบุว่าเป็นคนโทรศัพท์พูดคุยกับ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ เป็นคนสุดท้ายมาสอบปากคำหรือไม่ พล.ต.อ.ชิดชัยกล่าวว่า เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่จะตัดสินใจเอง

หยุดพูดเรื่องจัดฉากได้แล้ว

เมื่อถามว่าขณะนี้สังคมเชื่อกว่าครึ่งว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการสร้างสถานการณ์ พล.ต.อ.ชิดชัยกล่าวว่า ตนเชื่อว่าการวิจารณ์คงจะยุติลงได้แล้ว เพราะผู้ต้องหาออกมาพูดชัดเจนแล้วเมื่อวันที่ 28 ส.ค. ที่ผ่านมา เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าปกติในการสืบสวนผู้ต้องหามักจะไม่มีการเปิดเผย แต่กลับมีซีดีการสอบสวนออกมาสู่ สาธารณะ พล.ต.อ.ชิดชัยตอบว่า เชื่อว่าพนักงานสอบสวนคงพยายามจะแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งจะเห็นว่าในการสอบสวนมี ทั้งนายทหารพระธรรมนูญ ทนายความอยู่กันครบถ้วนหมด อย่าไปมองในแง่ร้าย คนเขามีเจตนาดี

เขารู้ว่าเขาทำไปเพื่ออะไร ที่เขารับสารภาพก็ชัดเจนว่าเพื่อเป็นการถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งตำรวจจะต้องโยงไปถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 9-10 ส.ค. ที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปขึ้นเครื่องที่ บน.6 ให้ได้ รวมทั้งโยงไปถึงการจับได้คาหนังคาเขา

เชื่อ 10 วัน ขยายผลเสร็จเรียบร้อย

ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขีดเส้นภายใน 10 วันที่จะขยายผลให้ได้นั้น พล.ต.อ.ชิดชัยกล่าวว่า ถือเป็นความมุ่งมั่นของเจ้าหน้าที่ เมื่อเขาพูดออกมา เขาก็คงเชื่อว่าทำได้ เมื่อถามว่าแต่จะเลยกำหนดระยะเวลาที่ทางกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขีดเส้นไว้ว่า จะออกมาชุมนุมใหญ่ในวันที่ 1 ก.ย. หากคดียังไม่ชัดเจน พล.ต.อ.ชิดชัยกล่าวว่า ขณะนี้ก็ชัดเจนในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งเชื่อว่าคงจะไม่ทำให้ปัญหามีมากขึ้น เพราะทุกคนก็เห็นแก่ชาติบ้านเมือง และก็ไม่มีประเด็นที่จะออกมาชุมนุมกันอีกแล้ว


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์