สาวถูกยิงคู่กิ๊ก เสี่ย บ.รถชื่อดัง
จากเหตุอุกอาจ คนร้ายขี่รถ จยย. 2 คัน ดักประกบยิง น.ส.อรทัย เอี่ยมอ่อง อายุ 34 ปี เสียชีวิตคารถยนต์ ยี่ห้อเซียท รุ่นโทเรโด สีน้ำเงิน ทะเบียนป้ายแดง ว-2510 กรุงเทพมหานคร ขณะขับกลับบ้านภายใน ซอยลาดพร้าว 87 แยก 1 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. เหตุเกิดเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 4 มี.ค. นั้น
ความคืบหน้าที่ สน.โชคชัย เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 5 มี.ค. พล.ต.ต.วิทยา โกสิยะสถิต ผบก.น.4 ได้เรียก พ.ต.อ.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผกก.สน.โชคชัย พ.ต.ท.บุรี ศรีหล้า สว.สส. พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเข้าประชุม เพื่อเร่งรัดคดีและติดตามตัวคนร้าย หลังจากนั้น ผบก.น. 4 เปิดเผยว่า ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานสักระยะ เนื่องจากอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ โดยมอบหมายให้ฝ่ายสืบสวน สน.โชคชัย ดูแลเกี่ยวกับการหาพยานขณะเกิดเหตุ ส่วน กก.สส.น.4 ตรวจสอบประวัติของผู้ตายและผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งล่าตัวกลุ่มมือปืน โดยเฉพาะคนร้าย เมื่อดูจากพฤติกรรมแล้วเชื่อว่าไม่น่าจะใช่มือปืนอาชีพ เนื่องจากยิงพลาดเป้า ไม่เข้าจุดสำคัญ อีกทั้งปืนที่ก่อเหตุขนาด .38 มือปืนทั่วไปไม่นิยมใช้ ตอนนี้พนักงานสอบสวน สอบปากคำพยานไปแล้ว 3-4 ปาก
ต่อมาได้มีนายฉอ้อน เอี่ยมอ่อง อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 พุทธมณฑลสาย 2 ฝั่งธนบุรี เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำเบื้องต้น พร้อมติดต่อขอเอกสารการเสียชีวิตของ น.ส.อรทัย เอี่ยมอ่อง ลูกสาว นำไปรับศพที่สถาบันนิติเวชฯ เพื่อตั้งบำเพ็ญกุศลสวดที่วัดจันทร์ประดิษฐาราม ย่านบางหว้า ภาษีเจริญ ฝั่งธนบุรี นายฉอ้อนให้รายละเอียดว่า มีลูก 2 คน ผู้ตายเป็นคนโต เคยมีสามีมาแล้วแต่เลิกรากันไป ต่อมาเข้าทำงานที่บริษัทยนตรกิจอินเตอร์เซลส์ จำกัด ย่านรามคำแหง บริษัทนำเข้ารถยนต์หรูจากทวีปยุโรป ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริการหลังการขาย และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนายวิศิษฏ์ ลีนุตพงษ์ เจ้าของบริษัทยนตรกิจ อยู่กินกันมาประมาณ 2 ปี โดยทางนายวิศิษฏ์ซื้อบ้านทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น ในหมู่บ้านเกตุนุติ ซอยลาดพร้าว 87 แขวงและเขตวังทองหลาง ราคาประมาณ 3 ล้านบาท ให้อยู่อาศัย ซึ่ง น.ส.อรทัยให้น้องชายไปอยู่เป็นเพื่อนด้วย นอกจากนี้ยังซื้อรถเก๋งป้ายแดงให้ขับอีก 1 คัน ราคาประมาณล้านกว่าบาท โดยช่วงระหว่างที่นายวิศิษฏ์คบหากับลูกสาว ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัท ทางฝ่ายภรรยาของนายวิศิษฏ์ ทราบเรื่อง นายวิศิษฏ์กลัวมีปัญหาจึงให้ลาออกจากงานไป
พ่อเหยื่อสาวที่ถูกสังหารโหดให้รายละเอียดต่อว่า ต่อมาเมื่อคืนวันที่ 26 ธ.ค. 48 ขณะที่นายวิศิษฏ์อยู่กับผู้ตายที่หมู่บ้านเกตุนุติ ได้มีลูกชายของนายวิศิษฏ์ไปตามพ่อเพื่อให้กลับบ้าน แต่นายวิศิษฏ์ไม่ยอมกลับ สุดท้ายเกิดทะเลาะกัน นายวิศิษฏ์ถูกตีหัวแตก จากนั้น น.ส.อรทัยพานายวิศิษฏ์ไปทำบาดแผลที่ รพ.สมิติเวช ขณะทำบาดแผลอยู่ ฝ่ายภรรยาและลูกชายของนายวิศิษฏ์ตามไปเยี่ยม แล้วเกิดการเผชิญหน้าและทะเลาะกันขึ้นอีก ช่วงที่ น.ส.อรทัยเดินไปที่รถเพื่อจะกลับบ้าน ลูกชายของนายวิศิษฏ์เดินตามไปหาเรื่องเข้าทำร้ายจับหักแขน บีบคอ ตบหน้าจนบวมปูด จึงเข้าแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ โดยพนักงานสอบสวนรับเรื่องไว้ พร้อมกับเรียกตัวลูกชายนายวิศิษฏ์ไปตกลงที่โรงพัก แต่ทางลูกชายนายวิศิษฏ์ไม่เดินทางไปพบ น.ส.อรทัยจึงลงบันทึกประจำวันไว้ว่า หากเป็นอะไรไปให้สันนิษฐานว่าลูกชายของนายวิศิษฏ์เป็นผู้ก่อเหตุ จากนั้นกลับไปรักษาตัวที่ รพ.สมิติเวช ก่อนจะกลับไปพักฟื้นต่อที่หมู่บ้านเกตุนุติ โดยนายฉอ้อนกล่าวว่า ด้วยความเป็นห่วงลูกสาว จึงไปนอนเป็นเพื่อนด้วยประมาณ 1 อาทิตย์ พร้อมกับเตือนให้ลูกสาวเลิกยุ่งเกี่ยวกับนายวิศิษฏ์ เพื่อความปลอดภัย ซึ่งลูกสาวก็บอกว่าได้ตกลงประกาศขายบ้านดังกล่าวแล้วในราคา 2 ล้านกว่าบาท เพื่อตัดสินปัญหา กระทั่งมาเกิดเรื่องร้ายถูกยิงตายจนได้ ส่วนประเด็นอื่นๆไม่มี
ทางด้าน พ.ต.อ.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผกก.สน.โชคชัย กล่าวว่า ได้เรียกนายฉอ้อน เอให้มากที่สุด คาดว่าไม่น่าหนักใจ
ด้าน พ.ต.ท.บุรี ศรีหล้า สว.สส.สน.โชคชัย เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รอง ผบช.น. ได้กำชับให้ฝ่ายสืบสวนสรุปสาเหตุ และความสัมพันธ์ชู้สาวให้ทราบเป็นการด่วน ขณะนี้กำลังตรวจสอบความเกี่ยวข้องในคดีผู้ตายถูกทำร้ายร่างกายที่ สน.ทองหล่อว่าเกี่ยวพันกันหรือไม่ แต่มั่นใจว่าน่าจะมาจากประเด็นเรื่องชู้สาว เนื่องจากผู้ตายเป็นหญิงสาวผิวขาว รูปร่างหน้าตาดีคนหนึ่ง
เย็นวันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดจันทร์ประดิษฐาราม ศาลา 3 สถานที่ตั้งสวดศพ น.ส.อรทัย พบว่าพ่อแม่ ญาติและเพื่อนฝูงของผู้ตายประมาณ 20-30 คน กำลังเตรียมตัวรดน้ำศพ ท่ามกลางบรรยากาศเศร้าสลด เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปสอบถามถึงสาเหตุการเสียชีวิต นายฉอ้อนปฏิเสธจะให้รายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม อ้างว่าก่อนหน้านี้พูดไปเยอะแล้ว และไม่ได้อยู่กับผู้ตาย ทำให้ไม่ ทราบข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร จากนั้นขอตัวไปประกอบพิธีศพลูกสาวคืนแรก โดยศพมีกำหนดตั้งสวดเป็นเวลา 3 วัน จะฌาปนกิจในวันที่ 8 มี.ค.นี้