คมชัดลึก : รวบโจ๋นครปฐม ม.4 ชวนเพื่อน ม.3 ย่องเข้าห้องนอนญาติวัย 12 กลางดึก เด็กหญิงตกใจตื่นร้องลั่นให้คนช่วย ใช้มือปิดปากถอดเข็มขัดรัดคอเหยื่อสิ้นใจคามือ หลังข่มขืนโยนศพออกทางหน้าต่าง ลากไปฝังในไร่อ้อยอำพรางคดี
เหตุสลดนักเรียนมัธยมพาเพื่อนบุกข่มขืนญาติตัวเองวัยเพียง 12 ปี แล้วฆ่าขุดหลุมฝังศพอำพรางคดีรายนี้เปิดเผยเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 สิงหาคม พ.ต.ท.คงเดช ดอนปิ่นไพร พนักงานสอบสวน สภ.กระตีบ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม รับแจ้งเหตุพบศพถูกฝังในไร่อ้อยหลังบ้านหลังหนึ่งใน ต.ห้วยม่วง อ.กำแพงแสน จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น ก่อนไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.สมบัติ อ่อนสมบูรณ์ สารวัตรใหญ่ สภ.กระตีบ และกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจำนวนหนึ่ง
ที่เกิดเหตุเป็นไร่อ้อยห่างจากบ้านหลังดังกล่าวประมาณ 100 เมตร พบศพ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ถูกฝังโดยส่วนหน้าและแขนขวาโผล่ขึ้นมาเหนือดิน เจ้าหน้าที่จึงขุดลงไปประมาณ 50 เซนติเมตร เอาศพของ ด.ญ.เอ ขึ้นมา สภาพถูกดึงเสื้อยืดขึ้นมาไว้เหนือราวนม ไม่สวมชุดชั้นใน ท่อนล่างเปลือยเปล่า คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 วัน
จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุและพื้นที่ใกล้เคียง พบบริเวณลานดินฝั่งห้องนอนของผู้ตายมีร่องรอยคล้ายคนกระโดดลงมาจากหน้าต่าง และมีคราบเลือดติดที่ท่อน้ำพีวีซีใต้ถุนบ้าน รวมทั้งรอยลากและรอยเท้าจากบริเวณดังกล่าวไปยังจุดที่พบศพ เจ้าหน้าที่ได้บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน
เบื้องต้นชุดสอบสวนสันนิษฐานว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นญาติกับผู้ตาย คือ นายบี (นามสมมติ) อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.4 และนายซี (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โดยลงมือข่มขืน ด.ญ.เอ แล้วฆ่า จากนั้นนำศพไปฝังดินเพื่ออำพรางคดี
ต่อมาพนักงานสอบสวนนำ 2 ผู้ต้องสงสัยมาสอบสวน โดยในช่วงแรกทั้งคู่ยังให้การวกวน แต่สุดท้ายนายบีซัดทอดว่า เพื่อนคือ นายซี เป็นคนลงมือข่มขืนและฆ่าเหยื่อ ขณะที่นายซียังคงให้การปฏิเสธ
นายบีรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนวันที่ 19 สิงหาคม ตนกับนายซีแอบย่องเข้าไปในห้องของ ด.ญ.เอ หวังจะข่มขืน แต่ ด.ญ.เอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้วร้องให้คนช่วย จึงเข้าไปปิดปากไว้ แล้วนายซีใช้เข็มขัดรัดคอ ด.ญ.เอจนแน่นิ่งไป ก่อนจะลงมือข่มขืน แต่ตนไม่กล้า เพราะคิดว่า ด.ญ.เอเสียชีวิตไปแล้ว
"หลังเสร็จกิจเราได้จัดที่นอนของ ด.ญ.เอให้เหมือนมีคนนอนอยู่ แล้วช่วยกันนำศพออกมาทางหน้าต่าง โดยนายซีเป็นคนลงไปรับศพด้านล่าง แล้วช่วยกันลากเข้าไปในไร่อ้อยหลังบ้าน จากนั้นกลับไปเอาจอบที่บ้านมาขุดหลุมฝังศพ ด.ญ.เอ ก่อนจะพากันหลบหนีไป" นายบีเล่าเหตุการณ์
ด้านนางดี (นามสมมติ) อายุ 54 ปี แม่ของผู้ตาย เล่าว่า มีอาชีพทำไร่อ้อย พักอาศัยอยู่บ้านหลังดังกล่าวกับพ่อแม่และลูกสาวรวม 4 คน ในคืนที่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ตนไม่อยู่บ้าน เนื่องจากไปทำไร่ผักชีที่ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ปล่อยให้ลูกสาวอยู่บ้านกับตายาย กระทั่งช่วงเช้าวานนี้ (20 ส.ค.) ทราบจากสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ว่า ลูกสาวหายตัวไป จึงเข้าแจ้งความพร้อมระดมญาติและเพื่อนบ้านออกตามหา แต่ไม่พบ จนมาเห็นศพลูกสาวโผล่จากหลุมในไร่อ้อย
ส่วนนายแสวง (นามสมมติ) อายุ 87 ปี ตาของผู้ตาย เล่าว่า ในคืนที่เกิดเหตุนอนอยู่บนบ้านกับภรรยาที่บริเวณห้องโถง ส่วนหลานสาวนอนอยู่ในห้องเพียงลำพัง กระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น. ตนตื่นขึ้นมากลางดึกเห็นเงาคนเดินออกจากห้องหลานสาว เข้าใจว่า ด.ญ.เอ ตื่นมาหุงข้าว
"ผมตะโกนเรียกชื่อหลาน จึงรู้ว่าไม่ใช่หลาน แต่เป็นนายบีซึ่งเป็นหลานชายอีกคน ผมคิดว่าเขามาขโมยของในบ้าน จึงลุกตามไปเห็นนายบีกระโดดหนีออกทางครัวหลังบ้าน เมื่อเดินกลับไปที่ห้องหลานสาว ยังเห็นมีผ้าห่มคลุมอยู่ในมุ้ง คิดว่าหลานสาวคงหลับอยู่ จึงไม่ได้เอะใจ กระทั่งเวลาประมาณ 07.00 น. เพื่อนหลานสาวมาตะโกนเรียกชวนหลานไปโรงเรียน ผมเข้าไปดู แต่ไม่เห็นหลาน เมื่อเปิดมุ้งออก จึงรู้ว่าใต้ผ้าห่มมีเพียงหมอนข้างเท่านั้น" นายแสวง กล่าว
ล่าสุด พ.ต.ท.คงเดช ให้สัมภาษณ์ว่า แม้ว่านายบีจะรับสารภาพแล้ว แต่นายซียังคงให้การปฏิเสธ ทั้งนี้จะขยายผลการสอบสวนต่อไป