เมื่อวันที่ 18 ส.ค. นางสุภาพร โกศล อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 ม.5 บ้านโนนสมบูรณ์ ต.ลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
ร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน ว่า ด.ญ.ทิพย์รัตน์ สุรารัมย์ อายุ 13 ปี บุตรสาว เรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนลำปลายมาศ เกิดอาการผิดปกติ เชื่อว่ามาจากการดื่มน้ำจากเครื่องกรองน้ำแร่ยี่ห้อหนึ่ง ของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ได้ซื้อมาเมื่อช่วงปี 2548 จนทำให้ผมร่วงหมดศีรษะ ที่ผ่านมาเคยร้องเรียนผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาแล้วหลายหน่วยงาน นานกว่า 3 ปีแต่ไร้ผล
นางสุภาพร กล่าวว่า ได้ซื้อเครื่องกรองน้ำแร่ยี่ห้อดังกล่าว มาจากพยาบาลคนหนึ่งในร.พ.ลำปลายมาศ พยาบาลคนดังกล่าวอ้างสรรพคุณ และคุณประโยชน์ต่างๆ
เช่นขับสารพิษในร่างกาย มองแล้วน่าเชื่อถือ จึงซื้อมาใช้ที่บ้าน เมื่อประมาณปี 2548 ในราคา 18,000 บาท และใช้ดื่มกินมาโดยตลอด เพราะบุตรสาวซึ่งเป็นคนดื่มน้ำมากในแต่ละวันรวมทั้งใส่กระติกไปดื่มที่โรงเรียนด้วย จนวันหนึ่งระหว่างอยู่ที่โรงเรียน ลูกสาวรู้สึกปวดหัวอย่างแรงและกลับมาที่บ้าน ระหว่างอาบน้ำผมได้หลุดร่วงเป็นจำนวนมาก จากนั้นหลุดร่วงมาโดยตลอดจนหมดทั้งศรีษะ รวมทั้งขนคิ้วขนตาก็ร่วงจนหมด ตอนแรกนึกว่าเป็นเพราะแพ้แชมพู จึงพาไปพบแพทย์ จนกระทั่งต่อไปไปพบแพทย์ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์ จึงทราบว่าเกิดจากการใช้เครื่องกรองน้ำแร่ เพราะจากการตรวจทางวิทยาศาสตร์ ตรวจพบสารกำมะถันและแร่เงินปะปนอยู่ในเครื่องกรองน้ำมากเกินมาตรฐาน
นางสุภาพร กล่าวว่า หลังทราบผลการตรวจ ตนได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับทุกหน่วยงาน ทั้งสคบ. ทำเนียบรัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข และสภาทนายความ ก็ยังไม่มีความคืบหน้า
จึงขอร้องเรียนสื่อมวลชน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือ ตรวจสอบเอาผิดกับบริษัทขายเครื่องกรองน้ำแร่ดังกล่าว และให้บริษัทรับผิดชอบ เพราะบุตรสาวได้รับผลกระทบ ถูกเพื่อนๆล้อเลียน นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่สคบ.โทรศัพท์มาบอกว่า ทางบริษัทขู่จะฟ้องกลับ โดยระบุว่าตนได้ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวไปหลายหน่วยงาน ทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียงได้รับความเสียหาย
ด้านด.ญ.ทิพย์รัตน์ กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังจากผมร่วงเพื่อนๆก็ล้อเลียนต่างๆนานา ทำให้บางครั้งไม่อยากไปโรงเรียน
แต่ปัจจุบันเพื่อนเริ่มเข้าใจและเห็นใจ ทุกวันนี้จะโรงเรียนและออกนอกบ้านต้องสวมหมวกคลุมศรีษะตลอด หลายครั้งรู้สึกท้อแท้ จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและบริษัทเจ้าของเครื่องกรองน้ำแร่ ให้ความเป็นธรรมด้วย