ดีเอสไอแจงตั้งวรวุฒิทำงานเฉพาะกรณี

คมชัดลึก : “สนธิ”นำเอกสารคำสั่ง “ทวี” โชว์ ส.ต.ท.วรวุฒิ สังกัดดีเอสไอ เหน็บคดีช้าเหตุมีมือมืดลอบฟังโทรนักการเมืองใช้แบล็คเมย์ แนะนายกฯโละทิ้งโผตั้งนายพลตำรวจยกผบ.ตร.คนใหม่จัดแถว ก.ยุติธรรมแจงดีเอสไอตั้งวรวุฒิร่วมจับกุมชี้เป้านายหน้าค้ามนุษย์โรฮิงญา จบภารกิจก็สิ้นสุดหน้าที่พนักงานสอบสวน


(14 ส.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กล่าวถึงกรณีการสืบสวนสอบสวนในคดีลอบยิงตน ว่า ตนมีหลักฐานเกี่ยวกับคำสั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ (ดีเอสไอ) เลขที่ 121/2552 ที่เป็นเรื่อง แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสงวนสอบสวนคดีพิเศษ โดยเอกสารมีชื่อของ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ อยู่ในชุดปฏิบัติการที่ 3 สำนักเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ

 ทั้งนี้ข้อมูลเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคำพูดของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมดีเอสไอ ที่ออกมาพูดก่อนหน้านี้ว่า นายวรวุฒิ มุ่งสันติ ไม่ได้อยู่ในกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพราะฉะนั้น ส.ต.ท. วรวุฒิ ผู้ต้องหาที่หนีหมายจับในคดีลอบยิง ย่อมเป็นผู้ที่ทำงานให้กับ พ.ต.อ. ทวี สอดส่องอยู่ตลอดเวลา โดยคดีนี้มีความชัดเจนว่าเป็นกฐินสามัคคี ที่มีพนักงานในดีเอสไอ มีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะตอนแรกมีการออกมาปฏิเสธว่า ส.ต.ท. วรวุฒิ ไม่ได้มาช่วยราชการที่ดีเอสไอ แต่ขณะนี้มีหลักฐานปรากฏชัดเจนส.ต.ท.วรวุฒิเป็นคนของดีเอสไอจริง เชื่อว่า กำลังจะมีการทำลายหลักฐาน
 
 ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้จะให้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมตรวจสอบอย่างไร นายสนธิ กล่าวว่า รัฐมนตรีมีหน้าที่ตรวจสอบ เข้าใจว่า รัฐมนตรียุติธรรมมีความอึดอัดใจบางอย่างที่พูดไม่ได้ เท่าที่ทราบได้มีเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ บางคนที่ดักฟังโทรศัพท์ของนักการเมือง แล้วนำคำพูดของนักการเมืองมาแบล็คเมย์ จึงทำให้เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอบางคนสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งเดิมได้

 เมื่อถามว่า การที่ให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร.) ลาราชการ เพราะว่า เกี่ยวข้องกับคดีลอบยิง แต่ไม่ได้เกี่ยวกับแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ นายสนธิ กล่าวว่า ตอนนี้สังคมไทยรวมทั้งสังคมโลกสับสน ใครเป็น ผบ.ตร. โดยพื้นฐานพล.ต.อ.พัชรวาท น่าจะลาออกเพื่อไม่ให้เกิดการสับสน หรือถ้าไม่ลาออก นายกรัฐมนตรีควรจะย้ายพล.ต.อ.พัชรวาทไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ว่า ไปปฏิบัติราชการที่ภาคใต้แล้วกลับมาแล้วไปต่างประเทศ ถือเป็นเรื่องตลก
 
เมื่อถามว่า มองอย่างไรเกี่ยวกับการปรับย้าย ผบ.ตร. มีการตั้งข้อสังเกตเน้นเรื่องของโผ มากกว่าคดีลอบยิง นายสนธิ กล่าวว่า ยืนยันในคำพูดของนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลาว่า ถูกต้อง มีการรับเงินจริง ในระดับผู้กำกับการพื้นที่ดีหน่อยก็เป็นล้าน ผู้บังคับการจังหวัดเป็นล้านเช่นกัน ความจริงแล้ว การแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ต้องรอ ผบ.ตร. คนใหม่ เป็นคนแต่งตั้ง แต่นายกรัฐมนตรีบอกว่าจะมีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ เมื่อได้แล้ว นายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะรัฐมนตรีต้องประกาศว่า โผแต่งตั้งโยกย้ายโดยเฉพาะโผนายพลที่เลื่อนไปประกาศวันที่ 7 กันยายน ต้องโละทิ้งทั้งหมดแล้วให้ ผบ.ตร.คนใหม่เป็นคนแต่งตั้ง แต่นี่ให้ผบ.ตร.ที่จะเกบียณในวันที่ 30 ก.ย. มาแต่งตั้ง ก็จะนำคนของ ผบ.ตร. เข้ามาทำงาน ซึ่งมีการรับเงินหลายพันล้าน อีกทั้งยังมีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องจึงทำให้ไม่มีการเปลี่ยนโผ เพราะรับเงินมาแล้ว ถ้าจะเคลียร์เงินคืนนั้นก็ลำบาก จึงต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างให้โผคงเดิม นี่คือตำรวจไทยในยุคของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นตำรวจยุคที่ตกต่ำมากกว่าตำรวจในยุคทักษิณ

พฐ.ตรวจหลักฐานรถ"วรวุฒิ"ผู้ต้องหาคดีสนธิแล้ว

 เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 สิงหาคม  เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้ตรวจเก็บหลักฐานรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต ซาฟีร่า สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน ศว 8051 กรุงเทพมหานคร ของ ส.ต.ท.วรวุฒิ เพื่อตรวจสอบหาหลักฐานเช่น ลายนิ้วมือแฝง ดีเอ็นเอและรายละเอียดอื่นๆ ที่จะนำไปเป็นประโยชน์ในการเชื่อมโยงคดีแล้ว
 
 พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ ผบก.พฐ. กล่าวถึงการตรวจเก็บหลักฐานบนรถต้องสงสัยว่า การตรวจเก็บหลักฐานในวันนี้ เป็นการตรวจเก็บหลักฐานให้กับพนักงานสอบสวน โดยตรวจทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เช่น ลายนิ้วมือแฝง ดีเอ็นเอ เขม่าดินปืน และอื่นๆ แต่ระยะเวลาที่เกิดเหตุนั้นนานแล้วก็พยายามตรวจเก็บหลักฐานเท่าที่จะสามารถทำได้ ส่วนจะมีประโยชน์ต่อรูปคดีหหรือไม่นั้นไม่สามารถตอบได้ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนจะนำไปใช้ประโยชน์อะไร ส่วนผลการตรวจหลักฐานทั้งหมดนั้นคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน 1 สัปดาห์ แล้วจะรายงานให้พนักงานสอบสวนทราบทันที

 ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดียิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เชิญให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรีที่ปรึกษา(สบ10) ทำหน้าที่ รรท.ผบ.ตร. เข้าร่วมรับฟังการประชุมติดตามความคืบหน้าคดี รวมทั้งรับฟังปัญหาข้อขัดข้องในคดี ที่ห้องประชุม 2 ชั้น 1 อาคาร 1 ตร.ในเวลา 14.00น.

ดีเอสไอแจงตั้งวรวุฒิร่วมจับนายหน้าค้าโรฮิงญา
 
 (14ส.ค.) นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า เมื่อมีข้อเท็จจริงถึงความเกี่ยวพันระหว่างส.ต.ท.วรวุฒิ  กับดีเอสไอมากขึ้น ทั้งในเรื่องการใช้รถยนต์ของกลางในคดียาเสพติด และการแต่งตั้งเป็นให้ร่วมเป็นคณะพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์ชาวโรงฮิงญา ซึ่งคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) รับเป็นคดีพิเศษเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตนจะสั่งการให้ดีเอสไอตรวจสอบย้อนหลังไปในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับส.ต.ท.วรวุฒิ เพราะที่ผ่านมาดีเอสไอชี้แจงเพียงว่าส.ต.ท.วรวุฒิไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับดีเอสไอ

 ด้านพ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผบ.สำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ กล่าวว่า การแต่งตั้ง ส.ต.ท.วรวุฒิร่วมเป็นคณะพนักงานสอบสวนเป็นไปตามขั้นตอนการปฏิบัติงาน โดยชุดตรวจค้นและจับกุมที่สนธิกำลังมาจากสำนักข่าวกรอง ทหาร และตำรวจ ต้องร่วมเป็นพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งคดีนี้ส.ต.ท.วรวุฒิทำหน้าที่หาข้อมูลและชี้เป้าผู้ต้องหา เมื่อจบภารกิจก็พ้นจากการเป็นพนักงานสอบสวนในคดีนั้นๆ

 อย่างไรก็ตาม ยืนยันได้ว่าอธิบดีดีเอสไอไม่รู้เรื่องดังกล่าว เพราะสำนักคดีเทคโนโลยีและการตรวจสอบ เป็นฝ่ายรวบรวมและจัดทำรายชื่อคณะพนักงานสอบสวน

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ทวี ได้มอบหมายให้พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ พนักงานสอบสวน 9 ระดับเชี่ยวชาญ นำเอกสารเข้าชี้แจงต่อนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กรณีการแต่งตั้งส.ต.ท.วรวุฒิ ร่วมเป็นคณะพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์ ชาวโรงฮิงญา โดยหนังสือชี้แจงระบุว่า คำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนในคดีเพื่อให้เกิดความสะดวกในการปฏิบัติงาน นอกจากนี้เวลาขึ้นให้การในชั้นศาลในฐานะพยานคดีจะทำให้คดีมีน้ำหนักขึ้น โดยคำสั่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนจะมีผลเฉพาะวันเข้าค้น จับกุมเท่านั้น

"เฉลิม"จวก"อภิสิทธิ์"เล่นขายของตั้งรก.ผบ.ตร.

 ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 13.30 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพี่อไทย กล่าวถึงกรณีการแต่งตั้งรักษาการ ผบ.ตร. ของนายอภิสิทธิ์ว่าตามประเพณีไม่เคยมีการแต่งตั้งรักษาการ อยากถามว่าเมื่อ ผบ.ตร.ลงพื้นที่ไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีอำนาจเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ทำตัวเหมือนเด็กเล่นขายของ ไม่เคยเข้าใจระบบระเบียบ และยังผสมผสานเรื่องกับคดีของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ และนายอภิสิทธิ์อาศัยอำนาจอะไรที่อ้างว่าคดีของนายสนธิมีความคืบหน้าไปมาก และอ้างว่าเจอตอ เพราะหน้าที่ดังกล่าวเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน นายอภิสิทธิ์ในฐานะนายกฯ ไม่มีสิทธิ์รับรู้ ทำตัวสะเปะสะปะเลอะเทอะเปอะเปื้อนไปหมด หรือเป็นการหาขออ้างเพื่อต้องการปรับเปลี่ยนโผของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 เมื่อถามว่าหลายฝ่ายเรียกร้องให้นายศิริโชค ออกมาเปิดเผยข้อมูลการรับสินบนต่อการโยกย้ายโผตำรวจ มองว่านายศิริโชคจะออกมาเปิดเผยเรื่องนี้จริงหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนขอวิเคราะห์ในฐานะที่เติบโตมาจากตำรวจว่า สุดท้ายแล้วนายศิริโชคก็จะออกมาบอกว่า การแต่งตั้งมีความชอบธรรม ถูกต้อง คนที่มีอาวุโส มีความรู้ความสามารถ เป็นอันที่รู้กัน และเรื่องนี้ก็จะจบ ทั้งนี้ตนรู้มาว่าที่นายศิริโชคพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะไม่มีอะไรจะพูด พูดแบบไม่รับผิดชอบ และตนก็ไม่เรียกร้องให้นายศิริโชคออกมาเปิดโปง เพราะเรียกร้องอะไรไปก็คงไม่เป็นผล ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือไปยังนายศิริโชค เพื่อให้เปิดเผยการรับสินบน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนเห็นด้วยอย่างยิ่ง ตนเพิ่งเห็นนายสุเทพทำถูกใจตนก็ครั้งนี้ “ ไอ้เทพเอ๋ย เอ็งทำดีจริงๆ ก็คราวนี้ ”

 ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวต่อถึงการตั้งกระทู้สดถามเรื่องการแต่งตั้งรักษาการ ผบ.ตร. ว่า ขอท้าทายนายอภิสิทธิ์ว่า ในสัปดาห์หน้าให้มาตอบกระทู้สด ถ้านายอภิสิทธิ์ไม่มาตอบตนก็จะไม่ตั้งกระทู้ถาม และจะถอนกระทู้นี้ทันที อย่างไรก็ตามตนขอเรียกร้องไปยังสื่อว่าอย่าอุ้มนายอภิสิทธิ์มากเกินไป รวมทั้งขอทวงสัญญาที่จะให้ฝ่ายค้านออกโทรทัศน์ ซึ่งตนขอท้าให้นายอภิสิทธิ์มาดีเบตร่วมกัน โดยเฉพาะเรื่องของตำรวจ ตนถนัดมาก

“ศิริโชค”เลี่ยงแจงกก.สอบซื้อตำแหน่ง ตร.

 นายศิริโชค กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการสอบการซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ที่มีนายสมศักดิ์ บุญทอง เป็นประธาน จะเชิญเข้าให้ข้อมูลการซื้อขายตำแหน่งในวันที่ 17 ส.ค.นี้ว่า ยังไม่ได้รับหนังสือเรียกให้ไปให้ข้อมูลดังกล่าว แต่ตนพร้อมให้ข้อมูลด้วยการทำหนังสือชี้แจงไปยังคณะกรรมการฯ โดยจะไม่ไปชี้แจงด้วยตัวเอง เพราะในฐานะ ส.ส.จะยึดการตรวจสอบของสภาผู้แทนราษฎรเป็นหลัก ซึ่งหากพบว่าหลังการโยกย้ายแล้วยังมีการซื้อขายตำแหน่งเกิด?ขึ้น ตนก็พร้อมให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎรทันที

สุเทพจี้"ศิริโชค"คายข้อมูลซื้อขายตำแหน่งตำรวจ

 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ       รองนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า  การที่นายศิริโชค  ระบุว่า มีการซื้อขายตำแหน่งตำรวจนั้น  ทาง กตร.มีมติแต่งตั้ง อนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยแจ้งให้ นายศิริโชค รวบรวมข้อมูลหลักฐาน เพื่อเป็นประโยชน์ในการสืบสวน ถ้าเป็นจริง มีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งจริง ต้องดำเนินคดีอาญาต่อบุคคลนั้น จะจริงหรือไม่ดูพยานหลักฐาน ขณะนี้ทำหนังสือแจ้ง  นายศิริโชค

 ส่วนการที่ ผบ.ตร.มาทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  เป็นไปตามคำสั่งของตนที่ห้ ผบ.ตร.มาทำงานในจังหวัดชายแดนใต้ โดยเฉพาะเร่งรัด คลี่คลาย เรื่องคดีกราดยิงมัสยิด   ในจ.นราธิวาส  เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบหาหลักฐานชัดเจน เพราะที่ผ่านมามีปล่อยข่าวลือสร้างเงื่อนไขปัญหาอยู่ตลอดเวลา


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์