คมชัดลึก : "วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี" รักษาการผบ.ตร.ฟิต เรียกชุดสืบสวนคดียิง"สนธิ"ประชุม สั่งพนักงานสอบสวนประสาน บช.1-9 สตม.และสอบสวนกลางล่า 3 ผู้ต้องหา มั่นใจยังกบดานในไทย ยันรักษาการผบ.ตร.ร่วมประชุม ก.ตช.แต่งตั้งผบ.ตร.ได้
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 14 ส.ค.พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าคดียิงถล่มนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)โดยมีหัวหน้าชุดทำงานร่วมประชุม อาทิ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผช.ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าชุดไล่ล่าผู้ต้องหา พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.ประจำ สนง. ซึ่งเป็นตัวแทนพล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร.ในฐานะผู้กำกับดูแลคดีดังกล่าวซึ่งลางานเนื่องจากไม่สบายและเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนจำนวนหนึ่ง โดยใช้เวลาการประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง
พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า วันนี้เรียกประชุมความคืบหน้าของคดีดังกล่าวเพราะตั้งใจตั้งนานแล้ว แต่ยังติดภารกิจอื่น ๆ อยู่ วันนี้จึงได้เรียกประชุมซึ่งมีความคืบหน้าไปมาก โดยตนได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนทำหนังสือไปยังทุกกองบัญชาการภาค 1-9 รวมถึงสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการสอบสวนกลางเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คนที่ถูกออกหมายจับในคดีนี้ ประกอบด้วย จ.ส.อ.ปัญหา ศรีเหรา ส.อ.สมชาย บุญนาค และ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ โดยทั้งสามคนพบว่ายังหลบหนีอยู่ในประเทศ แต่คงไม่สามารถเปิดเผยว่ากบดานอยู่ที่ใด
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดวันนี้ถึงเป็นประธานการประชุมด้วยตนเองเพราะที่ผ่านมาพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ก็ไม่เคยเข้าประชุมกับชุดสืบสวน พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า ที่จริงต้องการเข้าประชุมในคดีดังกล่าวหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ พล.ต.อ.ธานีได้เชิญมาเพื่อให้ตนให้คำแนะนำ แต่ที่ผ่านมา ตนก็คุยกับพล.ต.อ.ธานีเป็นระยะอยู่แล้ว ส่วนวันนี้ถือว่ามีเวลาจึงเข้าประชุมได้ เมื่อถามถึงโอกาสที่จะจับกุม 3 ผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้หรือเปล่านั้น เชื่อว่ามีโอกาส ระหว่างนี้พนักงานสอบสวนก็อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานอื่น ๆ ไปด้วย ถือว่ามีสัญญาณที่ดี อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าจะออกหมายจับเพิ่มได้อีกหรือไม่พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า กำลังดูกันอยู่ ส่วนการประสานงานกับดีเอสไอ เรื่องการตรวจสอบที่มาที่ไปรถของกลาง ไปใช้นั้น อยู่ระหว่างการประสานงานกันอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำงานของชุดสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ยังมีปัญหาหรืออุปสรรคใด ๆ อีกหรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ไม่มีแต่อย่างใด รวมถึง ตอหรือไส้ศึกก็ไม่มี ในคดีนี้ต้องใช้เวลาและใช้คน ส่วนการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องมีไส้ศึกนั้นคงยังไม่ตอบไม่ได้ขณะนี้ ส่วนการทำงานนั้น ตนทำตามหน้าที่ ตามพยานหลักฐานเก็บได้อย่างไรก็ทำ โดยตนทำหน้าที่สนับสนุน หากมีหมายจับแต่คนไม่มีที่จะไปติดตามจับกุมตนก็จะสั่งการให้มีคนไปดูแล โดยการจับกุมผู้ต้องหานั้นต้องใช้เวลา ไม่ได้ง่าย ไม่งั้นคงจับไปได้นานแล้ว โดยยืนยันว่าไม่มีใครเข้าไปให้ความช่วยเหลือคนร้ายทั้งสามคน
“นายกฯได้กำชับให้ผมสนับสนุนการทำงานในคดีนี้ พล.ต.อ.ธานีเขาทำดีอยู่แล้ว ผมก็จะให้ความมั่นใจว่า ให้ตำรวจทำตามหน้าที่ ปกป้องไม่ให้มีแรงเสียดทาน”เมื่อถามว่า ความแตกต่างระหว่าง พล.ต.อ.พัชรวาท ในขณะที่ ดำรงตำแหน่งผบ.ตร. นั้น พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ตนมาก็ทำงานเร็วขึ้น มีคนทำงานมากขึ้น
สั่งทุกบช.รายงานผลทุก7วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดพล.ต.อ.วิเชียร ได้มีบันทึกข้อความ ลงวันที่ 14 สิงหาคม ซึ่งออกตามความเห็นของ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผบ.ตร. ที่เสนอขึ้นมาตามหนังสือเลขที่ 0001(ปป21)/929 ส่งถึงทุกกองบัญชาการ เรื่องขอความร่วมมือในการสืบสวนจับกุมจับ จ.ส.อ.ปัญญา หรือห่อ ศรีเหรา ส.อ.สมชาย หรือบู่ บุญนาค และส.ต.ท.วรวุฒฺ มุ่งสันติ หรืออรรถพล ปาทาน ผู้ต้องหาในคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนพันธมิตรฯโดยให้เหตุผลว่าเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการจึงส่งหมายจับและตำหนิรูปพรรณขอคนร้ายทั้งสามให้ทุกบช.ติดตามตัว ทั้งนี้ให้ทุกบช.รายงานผลการติดตามจับกุมให้ตร.ทราบทุก 7 วัน
ยันรักษาการผบ.ตร.ร่วมประชุม ก.ตช.แต่งตั้งผบ.ตร.ได้
พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวถึงการนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือก.ต.ช. เพื่อเลือกผบ.ตร. ว่า นายกรัฐมนตรียังไม่ได้นัดวันประชุม ยังไม่ทราบว่ากำหนดวันประชุมหรือยัง สำหรับตนได้รับหนังสือให้รรท.ถึงวันที่ 18 ส.ค. หากมีการประชุมก่อนวันที่ 18 ส.ค.โดยตำแหน่งรักษาราชการแทน ตนก็ปฎิบัติตาม พ.ร.บ.ตำรวจ 2547 ตามมาตรา 45 ที่ระบุว่า ตำแหน่งรักษาราชการแทนมีตำแหน่งเทียบเท่า ผบ.ตร. ก็ต้องเข้าประชุม ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติข้าราชการตำรวจที่ได้รับพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายตามโครงสร้างตำรวจใหม่ โดยรายละเอียดนั้น มีตำรวจบางนายได้รับการยกเว้นหลักเกณฑ์
พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวต่อว่า จริงแล้วการแต่งตั้งตำรวจระดับรอง ผบก.ลงไปเป็นอำนาจของผู้บัญชาการ แต่เมื่อมีการปรับโครงสร้าง ทาง สตช.ก็ได้ใช้พ.ร.บ.ตำรวจ 2547 มาตรา 56 มารองรับตรงนี้ ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพิจารณาอะไร เพียงแต่วางแนวทาง รวบรวมข้อมูลว่าตำรวจรายใดผ่านบอร์ดผบ.ตร.แล้วก็จะผ่านไปถึงคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ทั้งนี้ต้องมีการนัดประชุม รองผบ.ตร. ให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 6 ก.ย. หากหาแนวทางได้ก็สามารถนัดประชุมได้ทันที
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ตร. ถูกกล่าวหาว่า มีการวิ่งเต้น โยกย้ายตำรวจ ในฐานะที่เป็นหัวหน้าองค์กร จะทำอย่างไรพล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า เรื่องนี้ก็ต้องมีการตรวจสอบ ทางก.ตร.ก็ได้ตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบไปแล้ว ส่วนจะฟ้องร้องผู้ออกมาเปิดเผยข้อมูลหรือไม่นั้น ก็ต้องดูผลสอบก่อน ข้อกล่าวหาจะรุนแรงไปหรือไม่นั้น ก็ต้องตรวจสอบ ชี้แจงไป ทั้งนี้โดยส่วนตัวไม่ทราบว่ามีการซื้อขายตำแหน่ง
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.อ.วิเชียร ได้มอบหมาย ให้พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะกรรมการในการพิจารณาการจัดการ สถานที่ และจัดครุภัณฑ์ เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างใหม่ด้วย