กินลำไยสยอง เม็ดติดคอ ดญ.ชัก-ชีพจรหยุด

เหตุเด็กกินลำไยเม็ดติดคอ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 ส.ค. ที่โรงพยาบาลพระราม 2

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางยุพา สายสิงห์ อายุ 59 ปี นำร่างด.ญ.พรรษา สายสิงห์ หรือ "น้องสา" อายุ 9 ขวบ มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 98/22 หมู่ 7 ชั้น 2 แฟลตการเคหะบางบอน แขวงและเขตบางบอน กรุง เทพฯ ซึ่งเป็นหลานสาว ขึ้นแท็กซี่จากบ้านพักเดินทางมาให้แพทย์ทำการรักษาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากด.ญ.พรรษา ได้กินลำไยและเม็ดลำไยเข้าไปติดคอจนหายใจไม่ออก หมดสติไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ถึงโรงพยาบาล ทีมแพทย์ภายใต้การนำของน.พ.พีระ คณานุวัฒน์ แพทย์ศัลยกรรม ร.พ.พระราม 2

ได้นำตัวด.ญ.พรรษา เข้าห้องฉุกเฉินทันที เนื่องจากด.ญ.พรรษา มีอาการหัวใจหยุดเต้น และชีพจรก็หยุดเต้นด้วย ทีมแพทย์จึงรีบปั๊มหัวใจอยู่นาน จนกระทั่งอาการของด.ญ. พรรษา ร่างกายเริ่มตอบสนอง ซึ่งล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว แต่ยังต้องให้ออกซิเจนอยู่ตลอดเวลา แต่ปัญหาที่ตามมา คือ เม็ดลำไยได้ไปติดอยู่ที่บริเวณหลอดลมของปอด กลีบทางด้านซ้าย ซึ่งยังไม่สามารถนำเอาออกมาได้ ซึ่งถ้าไม่สามารถนำเม็ดลำไยออกมาได้ ก็จะทำให้เม็ดลำไยที่ติดค้างอยู่เน่า และปอดเน่าอาจทำให้เสียชีวิตได้

น.พ.พีระ กล่าวว่า ตอนนี้อาการเด็กปลอดภัยแล้ว แต่ยังต้องให้ออกซิเจนอยู่ ขณะนี้ทางโรงพยาบาลของเรายังขาดอุปกรณ์ในการคีบเม็ดลำไยออกมาจากหลอดลมคนไข้ จึงได้ประสานไปยังโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อเตรียมส่งผู้ป่วยไปรักษาต่อไป

ด้านนางยุพา กล่าวว่า ตนเป็นยายด.ญ. พรรษา มีอาชีพขายโจ๊ก พักอยู่ที่แฟลตการเคหะบางบอน ส่วนพ่อและแม่ของน้องสาแยกทางกัน

ทิ้งน้องสาอยู่กับตนตั้งแต่เล็กๆ โดยน้องสา เรียนอยู่ที่โรงเรียนศาลเจ้านุกูล ชั้น ป.3 ก่อนเกิดเหตุตนไปซื้อ เงาะ ลำไย มาไว้ที่บ้านให้หลานกินในวันหยุด ตกตอนสายเห็นน้องสาเอาลำไยมากิน จากนั้นก็ได้ยินเสียงไอเหมือนอะไรติดคอ จึงเข้าไปถามว่าเป็นอะไร น้องสาบอกว่า เม็ดลำไยติดอยู่และรู้สึกหายใจไม่ออก จึงเรียกเพื่อนบ้านให้ช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล

ต่อมาเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพระราม 2 ได้รับการประสานงานจากทางร.พ.จุฬาฯ ที่จะรับรักษาด.ญ.พรรษา

เนื่องจากมีเครื่องมือที่จะใช้คีบเม็ดลำไยออกจากหลอดลม โดยด.ญ. พรรษา เข้าพักรักษาตัวที่ห้องฉุกเฉินตึกส.ก. ชั้น 8 ร.พ.จุฬาฯ โดยขณะย้ายโรงพยาบาล ด.ญ.พรรษามีอาการตอบสนองดี แต่ยังพูด ไม่ได้