นายชุมพล ศรีสวัสดิ์ ปลัดอำเภอเมืองปาน จ.ลำปาง เปิดความคืบหน้ากรณีชาวบ้านป่าเหมี้ยง ม. 7 ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง
ร้องเรียนว่า วัวที่เลี้ยงไว้ถูกเสือโคร่งกัดกิน ไปจำนวน กว่า 40 ตัว นั้น ในวันนี้(4 ส.ค.52)ได้ระดมเจ้าหน้าที่ อส.พร้อมเจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน และชาวบ้านรวม 50 คน พร้อมอาวุธครบมือเข้าไปในพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน เพื่อไล่ล่า เสื้อโคร่ง 3 พ่อแม่ลูก ที่ออกมาจากป่าเขตป่ารอยต่อ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ และอาละวาดกัดกินวัวที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ตามแนวชายป่าล้มตายไปแล้วกว่า 20 ตัว และยังหายสาบสูญไปอีกกว่า 40 ตัว โดยเบื้องต้นได้พบซากวัวที่ถูกเสือกินแล้วกว่า 20 ตัว กระจัดกระจายอยู่ในป่า
นายชุมพลฯ กล่าวว่า ในการไล่ล่าเสือโคร่ง 3 พ่อแม่ลูกในครั้งนี้ ได้กำชับไม่ให้เจ้าหน้าที่และทีมไล่ล่าใช้อาวุธปืนอย่างเด็ดขาด
และว่าหนทางเดียวที่จะกระทำได้ คือการจุดประทัดแทน เพื่อให้เสือตกใจและเตลิดหนีออกไปพ้นพื้นที่ป่าใกล้หมู่บ้านไม่ต้องการให้ย้อนกลับมากัดกินสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านได้อีก
สำหรับการเดินทางเข้าไปในป่าซึ่งเป็นพื้นที่ป่ารกหน้าทึบ มีร่องน้ำลึกและเส้นทางลาดชันเกือบตลอดเส้นทาง ต้องใช้รถจักรยานยนต์และการเดินเท้าเข้าไปเท่านั้น
โดยใช้วิธีการแกะรอยเสือจากรอยเท้าที่ปรากฏอยู่ตามแหล่งน้ำ และตามซากวัวที่พบในป่า ซึ่งไม่มั่นใจเหมือนกันว่าจะพบเสือกลุ่มนี้หรือไม่ เนื่องจากสภาพพื้นที่ป่าที่กว้างใหญ่และมีแนวเขตติดต่อกับหลายจังหวัด”นายชุมพลกล่าวและว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติของสำนักงานป่าไม้ลำปางได้เข้าไปสำรวจรอยเท้าของเสือโคร่ง ทำการวัดขนาดและจะทำการหล่อแบบ รอยเท้าของเสือโคร่งทั้งหมดไว้ เพื่อศึกษาและวิจัยต่อไป
สำหรับเสือโคร่งฝูง เบื้องต้นสันนิษฐานไว้ว่าเคยเข้ามากินวัวของชาวบ้านที่เลี้ยงไว้เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา
ก่อนถูกชาวบ้านขับไล่หนีเข้าป่าลึกไป และฝูงเสือโคร่งก็กลับเข้ามากัดกินฝูงวัวอีกโดยเฉลี่ยแล้ว 1-2ปีต่อครั้งเมืองปาน จ.ลำปาง ได้นำเจ้าหน้าที่ อส.ของอำเภอ เข้าไปที่หมู่บ้านป่าเหมี้ยง ม.7 ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน เพื่อตรวจสอบกรณีมีเสือโคร่ง ขนาดใหญ่จำนวน3ตัว ได้ออกมาจากป่าในเขตอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ซึ่งเป็นเขตป่ารอยต่อ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ หลังเสือโคร่งก็ได้กัดกินวัวที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ตามแนวชายป่ากว่า 20 ตัว และยังมีฝูงวัวอีกกว่า 40 ตัว ได้หายไป ดังนั้น หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้าน จึงได้เข้าไปตรวจสอบ ซึ่งพบซากที่ถูกเสือกินแล้วกว่า 20 ตัว กระจัดกระจายอยู่ในป่า
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีเจ้าหน้าที่รายใดพบเสือโคร่งในพื้นที่ พบแต่เพียงรอยเท้าใหญ่และเล็กจำนวน 3 ขนาด คาดว่าเป็นเสือโคร่ง พ่อแม่ลูกตัว ที่เข้ามากินวัวของชาวบ้าน
ทำให้ทางอำเภอ ได้เร่งเข้าไปพูดคุยกับชาวบ้านเบื้องต้นให้เกิดความเข้าใจว่า เสือโคร่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ขอให้ชาวบ้านอย่าได้ทำร้าย ซึ่งเชื่อว่าเสือโคร่งยังอยู่ในบริเวณพื้นที่ป่าดังกล่าว ด้าน นายคำเสาร์ มักได้ อายุ 48 ปี ชาวบ้านในหมู่บ้านป่าเหมี้ยง ซึ่งเป็นเจ้าของวัวกว่า 40 ตัว เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 ส.ค.52 ที่ผ่านมา ขณะที่ตนพร้อมกับชาวบ้านจำนวนหนึ่ง เดินออกตามหาฝูงวัวที่หายไปและพบซากวัว มีร่องรอยถูกกัดกิน คาดว่าน่าจะเป็นเสือโคร่ง ที่ออกจากป่าลึกเข้ามากัดกินวัวของชาวบ้านไปหลายสิบตัวแล้ว ซึ่งชาวบ้านได้รวมตัวกันจากที่พบซากวัวตายจุดแรกเข้าไปสำรวจในพื้นที่ป่าใกล้กับจุดที่เลี้ยงวัวแล้ว ก็ได้พบซากวัวของชาวบ้านที่เหลือแต่หัว และเศษกระดูกเพิ่มขึ้น