ฆาตกรข่มขืนฆ่า 2 พี่น้องขุขันธ์จนมุม
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตย้อนไปเมื่อ 3 ปีก่อน ยามค่ำคืนวันที่ 18 กันยายน 2549 ขณะที่ประชาชนทั่วประเทศกำลังเกาะติดข่าวทหารยึดอำนาจรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 2 ทุ่มคืนวันเดียวกันนี้เองที่เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นกับครอบครัวหนึ่งใน อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ คนร้ายไม่ทราบจำนวนบุกเข้าไปแล้วร่วมกันลงมือข่มขืนแล้วทำร้ายร่างกาย 2 พี่น้องวัยเรียนจนถึงแก่ความตายอย่างโหดเหี้ยมทารุณ !?!
.ต.ท.ปวเรศ กระเวนกิจ พนักงานสอบสวน สภ.ต.ปรือใหญ่ พร้อมกำลังเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ต่างก็พบภาพอเนจอนาถใจ ภายในบ้านพักข้าวของกระจัดกระจายเต็มห้อง นอกจากนี้ ยังปรากฏคราบเลือดหยดอยู่ตามพื้นบ้านหลายแห่ง แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้ดิ้นรนเอาชีวิตรอดของเหยื่อเคราะห์ร้าย ซึ่งเป็นสองพี่น้องวัยเพียง 14 ปี และ 10 ขวบเท่านั้น
ตำรวจกระจายกำลังกันค้นหาอึดใจต่อมาก็พบกางเกงในและเสื้อยกทรงในสภาพขาดกระจุย รองเท้าแตะสีเหลือง 1 คู่ตกอยู่ใกล้สระน้ำ ห่างไปเล็กน้อยก็พบภาพชวนสังเวช เด็กหญิงวัย 14 ปีพี่สาวคนโตถูกขอนไม้ขนาดใหญ่ทับอยู่ ตามร่างกายมีรอยถูกทำร้ายหลายแห่ง มีอาการบอบช้ำอย่างหนัก ศีรษะถูกตีด้วยของแข็งจนปูดบวม เลือดออกปาก ลำคอมีรอยเขียวช้ำ และที่สำคัญมีรอยถูกข่มขืน
ห่างออกไปราว 3 เมตร ร่างของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ วัย 10 ขวบน้องสาว สวมชุดนักเรียนตกอยู่ในสภาพไม่ต่างไปจากพี่สาว บริเวณศีรษะถูกตีด้วยของแข็งอย่างรุนแรง ทอดร่างแน่นิ่งอยู่ใกล้กับไม้หน้าสามยาวประมาณ 60 เซนติเมตรเปื้อนเลือด ตำรวจเชื่อว่าเป็นอาวุธที่คนร้ายใช้ทำร้ายสองพี่น้อง แต่กว่าจะนำร่างสองพี่น้องที่ตกอยู่ในสภาพสะบักสะบอมถึง รพ.ขุขันธ์ ทั้งสองก็เสียชีวิตเสียแล้ว ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของญาติพี่น้องและชาวบ้านที่อยู่ร่วมรู้เห็นเหตุการณ์
ใครกันที่ลงมืออย่างโหดเหี้ยมครั้งนี้ ตำรวจขุขันธ์มุ่งไปที่คนร้ายน่าจะเป็นคนรู้จักกับผู้ตาย เมื่อลงมือข่มขืนเสร็จจึงฆ่าปิดปาก ขณะเดียวกันก็เพิ่มประเด็นแฟนเก่าของเหยื่อผู้พี่ ที่เขียนบันทึกเอาไว้ในไดอารี่ส่วนตัวทำนองว่า มีเด็กหนุ่มหลายคนเข้ามาพัวพันหลงรัก และมีหลายคนถูกตัดรอนไป อาจทำให้เกิดความโกรธแค้นย้อนกลับมาฆ่าข่มขืน 2 พี่น้องเป็นการแก้แค้น จึงออกหมายเรียกบรรดาเด็กหนุ่มที่ถูกเอ่ยถึงในไดอารี่มาสอบสวนอยู่หลายคน
ในจำนวนผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องพัวพันกับเหยื่อผู้พี่นั้น ชุดสืบสวนพุ่งเป้าไปที่ผู้ต้องสงสัย 2 คนเป็นพิเศษ ร.ต.ท.ไพรวัลย์ อายุวงศ์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.ศรีสะเกษ พร้อมกำลังจึงเฝ้าประกบไว้ ระหว่างรอผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานวัตถุพยาน เช่น ดินที่ติดอยู่กับกางเกงผู้ต้องสงสัย ดีเอ็นเอ ตัวอย่างน้ำเชื้อ เส้นผม และขนเพชร ที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุกว่า 50 ตัวอย่าง จากกองพิสูจน์หลักฐาน สถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
แต่เนื่องจากขั้นตอนการตรวจพิสูจน์ต้องใช้เวลา ประกอบกับมีตัวอย่างจากคดีอื่นๆ ให้ตรวจสอบอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคดีสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงกินเวลานานในที่สุดก็ค่อยๆ เงียบหายไป กระทั่งวันที่ 28 กรกฎาคม 2552 พนักงานสอบสวน สภ.ปรือใหญ่ ก็สามารถขออนุมัติหมายจับ นายประสิทธิ์ นนทะพันธ์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28/1 หมู่ 8 ต.นิคมพัฒนา อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ผู้ต้องหาในคดี วันรุ่งขึ้น ร.ต.ท.ไพรวัลย์ พร้อมกำลังติดตามไปจับกุมตัวได้ที่วัดแห่งหนึ่ง ขณะหนีไปบวชในชื่อพระประสิทธิ์ สิทธิโก หรือพระอู๊ด
ต่อมาเย็นวันเดียวกัน พ.ต.ท.พงศ์พันษ์ พลวงษ์ศรี สวญ.สภ.ปรือใหญ่ ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนไปติดตามจับกุมตัว พลทหารสุนทร แต้มงาม หรือฮุย วัย 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 8 ต.นิคมพัฒนา อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ผู้ต้องหาตามหมายจับอีกราย ซึ่งเป็นทหารกองค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี ที่ได้พักกลับมาเยี่ยมบ้านและตั้งวงดื่มสุราอยู่กับเพื่อนๆ
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรายให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้น ด้านญาติพี่น้องเองก็กล่าวหาตำรวจ และพร้อมจะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด แต่ไม่ว่าจะอย่างไร พล.ต.ต.สมพงษ์ ทองวีระประเสริฐ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ พ.ต.ท.พงศ์พันธ์ พลวงษ์ศรี สวญ.สภ.ปรือใหญ่ และ ร.ต.ท.ไพรวัลย์ อายุวงศ์ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.ศรีสะเกษ ที่ติดตามคดีนี้มาอย่างต่อเนื่อง ต่างก็มั่นใจในพยานหลักฐานที่ปรากฏ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์