ถ้าเอ่ยถึงนักค้ายาเสพติด ย่านพระ โขนง คงไม่มีใครดังเกิน "บังร็อด" หรือ นายอานนท์ สะและน้อย เอเยนต์ค้ายาบ้าตัวยงซึ่งเป็นบุคคลที่ตำรวจกำลังต้องการตัว เพราะนอกจากนายอานนท์ จะค้ายาบ้าแล้ว ยังพ่วงยาไอซ์ ยาอี และยาไฟว์ขายให้ลูกค้าด้วย ทำมาจนมีฐานะร่ำรวย
แถมยังมีขบวนการที่สลับซับซ้อนอีกต่างหาก!!?
ก่อนหน้านี้ตำรวจสามารถจับกุม "บังอาท" พี่ชายของนายอานนท์เอาไว้ได้พร้อมของกลางยาบ้าจำนวนมาก ขณะนี้ยังติดคุกอยู่ จึงขยายผลถึงตัวนายอานนท์ซึ่งเป็นน้องชาย แต่ทว่านายอานนท์รู้ตัวจึงมีการเคลื่อนไหว ย้ายถิ่นฐานออกจากพื้นที่ สน.พระโขนงไป ซึ่งทุกความเคลื่อนไหวของคนร้ายอยู่ในความสนใจของพ.ต.ท.ธนวัฒน์ พูลสวัสดิ์ สวป. ร.ต.อ.พงษ์ธวัช คงเสือ ร.ต.ท.สมชาย เตมีศักดิ์ รอง สวป.สน.พระโขนง ที่เฝ้าจับตาอยู่ตลอดเวลา พร้อมรายงานความคืบหน้าให้ผู้บังคับบัญชาอย่าง พล.ต.ต.โชค ชัย ดีประเสริฐวิทย์ ผบก.น.5 รับทราบทุกระยะ
แล้วสิ่งที่ตำรวจลงแรงไปก็ไม่สูญเปล่า เมื่อในตอนสายวันที่ 28 ก.ค. มีสายรายงานเข้ามาว่า
เห็น "บังร็อด" กลับมาป้วนเปี้ยนในเขตพระโขนงอีก ครั้ง โดยมาพักที่บ้านเลขที่ 310/124 หมู่บ้านชวนชื่นพัฒนาการ ซอยพัฒนา การ 57 แขวงและเขตประเวศ เจ้าหน้าที่จึงแอบไปสังเกตการณ์ พบนายอานนท์กับแฟนและเพื่อนของมันพักอยู่ในบ้าน
ผ่าแผนรวบนักค้ายา ล่าบังร็อดพระโขนง ยิงฝ่าวงล้อม-หนีตร.
ตำรวจจึงวางแผนเข้าชาร์จ!!
ก่อนที่การบุกจับจะเริ่มขึ้น สารวัตรธนวัฒน์ กับรองฯ พงษ์ธวัช และรองฯ สมชาย ขอไฟเขียวจากผู้การโชคชัย เตรียมตะครุบตัวคนร้าย งานนี้มีการเบิก ใช้เสื้อเกราะกันกระสุนกันอย่างเต็มที่ เพราะเจ้าหน้าที่รู้ว่าการจับนายอานนท์นั้นไม่ธรรมดา เนื่องจากหมอนี่พกปืนติดตัวอยู่ตลอดเวลา
พลาดพลั้งไปอาจได้ไม่คุ้มเสีย!
แผนถูกกำหนดขึ้นโดยชุดของรองฯ พงษ์ธวัช เป็นทีมด่านหน้าเข้าชาร์จถึงตัว เนื่องจากรองฯ พงษ์ธวัชจำหน้านายอา นนท์ได้สนิทตา วันเดียวกันนั้นกำลังซึ่งประกอบด้วย จ.ส.ต.ทรงชัย มาเฉลิม จ.ส.ต.วิชัย หรั่งเล็ก ส.ต.อ.กฤตย์ปกรณ์ เนียมสอน และส.ต.อ.วีระศักดิ์ เภาสู ผบ.หมู่ป้องกันและปราบปราม จึงกระ จายกำลังปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าวไว้ จนกระทั่งเวลาผ่านพ้นไปตอนตี 2 ของวันที่ 29 ก.ค. ตำรวจเห็นทั้ง 3 คนเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถยนต์คนละคันที่จอดไว้ด้านหน้า โดยในมือแต่ละคนถือถุงบรรจุสิ่งของอยู่ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวจับกุม แต่นายอานนท์และ น.ส. ดารารัตน์ หรืออิ๋ว บุญธรรม ภรรยา วิ่งฝ่าวงล้อมตำรวจไปขึ้นรถขับออกไป โดยนายอานนท์ได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ 1 นัด เพื่อเปิดทาง ทำให้รองฯ พงษ์ธวัชตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ไป ก่อนที่จะขับรถไล่ล่าคนร้ายไปตามถนน ซึ่งคนร้ายแยกกันหลบหนีไปคนละทิศละทาง แต่นายทัศนัย หรือ "อ๋อ" เงาทอง อายุ 29 ปี ลูกน้องคนสนิทของนายอานนท์ หนีไปจนมุมตำรวจอยู่แถวป้อมยามหน้าหมู่บ้าน เพราะถูกเจ้าหน้าที่ขับรถไล่ชนจนไปไหนไม่ได้ จึงถูกจับอยู่ตรงนั้น
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงกลับมาตรวจสอบที่บ้านพัก
พบถุงพลาสติกที่คนร้ายทิ้งไว้หน้าบ้านตอนหลบหนี เปิดดูถึงผงะเมื่อพบยาเคตามีน 10 ขวด ยาบ้า 70,000 เม็ด ยาอี 2,550 เม็ด และยาอิริมีนไฟว์ หรือยาไฟว์ 1,200 เม็ด รวมมูลค่ากว่า 17,700,000 บาท จึงรวบรวมไว้ดำเนินคดี
งานนี้นายอานนท์กับแฟนสาวหลบหนีไปได้อย่างหวุดหวิด
การจับกุมเครือข่ายแก๊งค้ายารายนี้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น. ลงมาสอบปากคำคนร้ายด้วยตนเอง ซึ่งนายทัศนัยบอกว่า มาซื้อยาบ้ากับนายอานนท์และน.ส.ดารารัตน์ เพื่อเอาไปขายในย่านพระ โขนง ขณะเดินออกจากบ้านเพื่อไปส่งยาให้กับลูกค้าตำรวจมาดักจับพอดี จึงขับรถหลบหนีไปคนละทิศคนละทาง จนกระทั่งถูกตำรวจจับได้
เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกับพวกที่หลบหนีฐานมียาเสพติด ให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย, ร่วมกับพวกที่หลบหนีมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประ เภท 2 (อิริมีนไฟว์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายทันที
จากการสอบสวนขยายผลทราบว่า
นายอานนท์เอเยนต์ค้ายาเสพติดรายนี้มีเครือข่ายค้ายาที่กว้างขวาง และมีวิธีการที่ซับซ้อน มีการฟอกเงินอย่างเป็นขั้นตอน โดยเงินที่ได้จากการขายยาเสพติด นายอานนท์จะนำไปซื้อรถเก๋ง รถกระบะ และรถจักรยานยนต์เอาไว้แต่งซิ่งนำไปแข่งตามสถานที่ต่างๆ
จนเป็นที่รู้จักและมีฉายาในวงการนักซิ่งว่า "ร็อดซี่"
จากนั้น "บังร็อด" ได้ยกฐานะตัวเองเข้าสู่สนามแข่งรถ มีรถแข่ง 7-8 คัน ไม่รวมรถจักรยานยนต์ที่นำมาแต่งอีกหลายคัน รถแต่ละคันที่นำมาขับจะไม่ระบุชื่อตัวเองเป็นเจ้าของ เพราะเกรงว่าหากถูกจับแล้วจะมีการขยายผลตามยึดทรัพย์สินไปด้วย จึงใช้ชื่อคนอื่นแทน ซึ่งหมอนี่คว้าถ้วยรางวัลมาแล้วหลายสนาม ส่วนในวงการยาเสพติดชื่อเสียงของบังร็อดก็อยู่ในชั้นแนวหน้า เพราะนักค้าทั่วไปจะรู้ว่าแก๊งนี้หากส่งยาให้ใครแล้วเป็นการการันตีสินค้ารับประกันคุณภาพว่าเป็นของแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยมักจะอ้างว่านำยาเสพติดเหล่านี้มาจากภาคเหนือด้านชายแดนไทย-พม่า
ขายยาเสพติดจนตั้งตัวได้
แต่คงต้องหนีหัวซุกหัวซุนต่อไป!?!