เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 30 ก.ค. พ.ต.ท.สมบูรณ์ สีแดง สารวัตรเวร สภ.เมืองพิษณุโลก
รับแจ้งเหตุคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ที่บ้านเลขที่ 55/6 ม.4 ต.พลายชุมพล อ.เมือง จ.พิษณุโลก จึงรุดไปสอบสวน พบบริเวณเกิดเหตุเป็นบ้านสองชั้น พบเพียงกองเลือดจำนวนมาก ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลพุทธชินราช ทราบชื่อนางรัตนพร เกตุทอง อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73/3 ม.4 ต.พลายชุมพล อ.เมือง จ.พิษณุโลก ถูกยิงใต้ราวนมชายโครงด้านซ้าย สอบสวนผู้ก่อเหตุเป็นสามีชื่อนายมานะ เพชรภูมิ อายุ 45 ปี หลังก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีม่วงหลบหนีไป ทางถนนสายเลี่ยงเมืองด้านทิศเหนือ
เจ้าหน้าที่จึงวิทยุให้สายตรวจทุกแห่งตั้งจุดตรวจจุดสกัด พร้อมกำลังจำนวนหนึ่งออกติดตาม
โดยมีผู้เห็นเหตุได้ขับรถยนต์ไล่ตาม พร้อมกับชนรถจักรยานยนต์คนร้ายเสียหลักล้ม ก่อนคนร้ายจะวิ่งหลบหนีไปในป่าละเมาะ ใกล้กับร้านอาหารหว่องริมน่าน จึงได้ประสานขอกำลังสนับสนุน ปิดล้อมบริเวณที่คนร้ายหลบหนีเข้าไป ระหว่างนั้นคนร้ายได้เข้าไปหลบซ่อนในห้องน้ำบ้านหลังหนึ่ง พร้อมกับจับเจ้าของบ้านเป็นตัวประกัน ทางเจ้าหน้าที่พยายามส่งเสียงเกลี้ยกล่อม กระทั่งคนร้ายปล่อยตัววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าใกล้เคียง เจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมพร้อมกับควบคุมตัว ได้ในเวลาต่อมา พร้อมอาวุธปืนลูกซองสั้น 1 กระบอก โดยไม่มีการยิงต่อสู้กันแต่อย่างใด พร้อมกับควบคุมตัวไปที่สถานีตำรวจ เวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งผู้บาดเจ็บเสียชีวิตแล้ว
ล้อมจับพระเอกลิเกแค้นเมียตีจากซัลโวดับ
สอบสวนนางฉวี ขำรอด อายุ 64 ปี แม่ผู้เสียชีวิตให้การว่า ผู้ตายเป็นลูกสาวมีอาชีพค้าขาย อยู่กินกับนายมานะไม่กี่ปี
กระทั่งเมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมา ลูกสาวได้กลับมาหาที่บ้าน พร้อมกับบอกว่าทะเลาะกับนายมานะสามี และถูกทำร้ายร่างกาย จึงหนีมาขออยู่กับตน สาเหตุที่ทะเลาะกันมาจาก ลูกสาวบอกกับนายมานะว่า เวลาลูกสาวซื้อของมาให้แม่และลูกของผู้ตายก็อย่าว่ากันนะ หรืออย่าทวงบุญคุณ ทำให้นายมานะไม่พอใจโมโห ได้ลงมือตบตีลูกสาว และลากตัวเข้าไปในห้องนอนกระทืบจนบาดเจ็บ ทำให้ทนอยู่ด้วยไม่ได้ จึงหนีออกจากบ้านมาอาศัยอยู่กับแม่
ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนกำลังนอนพักผ่อนอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าบ้าน จึงลุกออกมาดูเห็นนายมานะเดินไปทางหลังบ้าน จึงได้เดินตามไป
ได้ยินเสียงนายมานะพูดคุยกับลูกสาว ถามว่า “ยังรักพี่ไหม” ลูกตอบว่า “ก็ยังรักอยู่ แต่ขอมาขายของก่อน อย่ามารบกวน ขอมาอยู่กับแม่สักพักหนึ่ง” นายมานะได้ถามกลับไปอย่างโมโหว่า “มึงไม่ไปแน่หรือ” พร้อมกับชักปืนออกมายิงลูกสาวทันที ส่วนตนตกใจวิ่งหนีไปหลบอยู่ที่บ้านใกล้เคียง หลังเกิดเหตุกลับมาพบลูกสาวนอนแน่นิ่งจมกองเลือดก่อนจะแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบ โดยมีรถโรงพยาบาลมารับไปตัวรักษา
นางวาสนา เปิดเผยว่า นางรัตนพร น้าสาว เคยมีครอบครัวมาแล้วครั้งหนึ่ง มีลูก 2 คน และได้เลิกรากันจนมารู้จักกับนายมานะซึ่งเป็นพระเอกลิเกประมาณ 2-3 ปี
ช่วงหลังนายมานะติดเหล้าเมาแทบทุกวัน จึงไม่มีใครมาว่าจ้างให้ไปเล่นลิเก ทำให้ไม่มีงานทำ และเริ่มชอบทะเลาะกับน้าสาวเป็นประจำ จนน้าสาวทนไม่ได้ต้องหนีมาอยู่กับแม่ และถูกนายมานะตามมารังควานก่อเหตุจนได้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมนายมานะ มาทำการสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก ยังให้การวกวน ลักษณะคล้ายคนเมา โดยพูดตลอดว่า ทำผิดก็ขอยอมรับผิด และบอกว่า ระยะเวลา 2 ปี กินยาแก้เครียดมาตลอด ก่อนก่อเหตุ ได้ดื่มเหล้ากับพี่เมียจนถึงเวลาตีสี่ กินเหล้าทุกวัน และเครียดมาก สามีเก่าของแฟนตนก็มา ตนยิ่งเครียดไปใหญ่ ตนเองมีภรรยาอยู่แล้ว และได้คบกับนางรัตนพร ในฐานะภรรยาอีกคน มาหลายปีแล้ว และในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาตนได้ระแวงว่านางรัตนพรจะมีคนรักใหม่ จึงได้เกิดการทะเลาะกันเป็นประจำ