โจรใต้วางแผนแสบซุกบอมบ์ใส่บังเกอร์หวังฆ่าหมู่ตร.-นาวิก

"ยัดระเบิด 10 กก."


พ่อใหญ่จิ๋ว ระบุแก้ไฟใต้ล้มเหลวเกิดจากความเละเทะ ไม่รู้ว่าคือคนสั่งการตัวจริง เผยนำ ป๋าเปรม ลงใต้ไม่ใช่หักหน้ารัฐบาล เพราะ ป๋า เป็นสัญลักษณ์คนใต้ทำงานเชิงรุกขณะโจรใต้แสบหวังฆ่าหมู่ตำรวจ-นาวิโยธิน ลอบยัดระเบิดหนัก 10 กก.ใส่กระสอบทรายไปวางไว้ในบังเกอร์จุดตรวจ โชคดี จนท.เห็นผิดสังเกตุเรียกชุดเก็บกู้มากู้ทัน ส่วนคนร้ายตามประกบยิงพ่อเฒ่าดับอนาถขณะปั่นจักรยานไปทำงาน

ที่สถาบันพระปกเกล้า วันที่ 24 ส.ค. พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งระหว่างบรรยายให้กับนักศึกษา หลักสูตรวิทยาลัยการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า รุ่น 10 ถึงการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าการแก้ ไขปัญหาที่ไม่ประสบความสำเร็จ อย่าไปโทษว่าเป็นความเลวร้ายของผู้ก่อการ แต่เป็นความเละเทะของเรามากกว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบเลยว่าใครมีอำนาจสั่งการที่แท้จริง ผู้ปฏิบัติต้องมีความเป็นเอกภาพทั้งทางปฏิบัติและการบังคับบัญชา ขณะนี้คนภาคใต้ว้าเหว่ ตนจึงต้องเอา พล.อ.เปรม ลงไปเพราะท่านเป็นสัญลักษณ์ของคนใต้ แต่เป็นการรุกการเมืองไม่ได้มุ่งเน้นให้รัฐบาลเสียหาย


"ตรวจกู้ระเบิด"


วันเดียวกันนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าพบนายคินันจาร์ การ์ตาซาสมิตา ประธานวุฒิสภาของอินโดนีเซีย ที่ทำเนียบประธานวุฒิสภาของอินโดนีเซีย กรุงจาการ์ตา ภายหลังการหารือนาน 1 ชั่วโมง นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ได้หารือถึงปัญหาการใช้ความรุนแรงเพื่อก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนของไทย เพราะนายคินันจาร์ ติดตามปัญหานี้ของไทย อีกทั้งอินโดนีเซียก็มีปัญหาเรื่องชนกลุ่มน้อย

ตนและประธานวุฒิสภาอินโดนีเซียมีความเห็นตรงกันว่าวิธีการที่ดีที่สุด คือ การยอมรับในความหลากหลาย และมีความระมัดระวังไม่ให้เกิดวงจรของความรุนแรง รัฐบาลจึงจะต้องมีนโยบายที่ถูกต้อง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนเรื่องความสมานฉันท์มาตลอด แต่เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้น เราทราบว่ายังค้างคาใจของประเทศประชาคมมุสลิม

ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่เวลา 07.00 น. พ.ต.ท.สุกิจ ขำมาก สารวัตรหน่วยปฏิบัติการพิเศษ จ.นราธิวาส หัวหน้าชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ. ศรีสาคร จ.นราธิวาส ว่าพบวัตถุต้องสงสัยสันนิษฐานเป็นวัตถุระเบิด บริเวณบังเกอร์จุดตรวจป้อมยามเฉลิมชัย บริเวณ 3 แยก ถนนสายยะลา-ศรีสาคร บ้านสากอ หมู่ 1 ต.สากอ อ.ศรีสาคร จึงนำกำลังชุดเก็บกู้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือทุกระบบ


"กะระเบิด จนท.อีกรายยิงเข้าท้ายทอย"


จากการตรวจสอบพบคนร้ายได้ซุกระเบิดแสวงเครื่องไว้ในถุงทรายแล้วนำมาวางปะปนอยู่กับบังเกอร์เมื่อเจ้าหน้าที่ใช้ปืนแรงดันน้ำยิงทำลายแล้วเข้าตรวจสอบพบระเบิดอยู่ในกล่องใส่กระสุนปืนทรง 4 เหลี่ยม มีส่วนประกอบ ปุ๋ยแอมโมเนียไนเตรด ผสมน้ำมันเบนซิน เหล็กตัด โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อโนเกีย 1 เครื่อง และซิม การ์ดโทรศัพท์มือถือ วันทูคอล 1 อัน น้ำหนักรวม 10 กก.

สอบสวนทราบว่า บริเวณจุดตรวจดังกล่าวจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.ศรีสาคร และหน่วยนาวิกโยธิน มาตั้งจุดตรวจรักษาความปลอดภัย ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่า คนร้ายน่าจะนำระเบิดแสวงเครื่องซึ่งยัดกระสอบทรายลักษณะคล้ายในบังเกอร์มาตั้งไว้ เพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ไหวตัว ทัน และสังเกตเห็นความผิดปกติ จึงเก็บกู้ได้ทันท่วงที

ไล่เลี่ยกันร.ต.ท.จบ แก้วศรีจันทร์ ร้อยเวร สภ.อ.เมือง จ.ยะลา ได้รับแจ้งจากศูนย์ รวมข่าว 191 สภ.อ.เมืองยะลา ว่า มีคนถูกยิงบนถนนสายบ้านลิมุด-ยุโป หมู่ 3 บ้านบาโด ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบรถจักรยานล้มอยู่ 1 คันโดยที่ข้างรถพบศพนายสัมฤทธิ์ อินทรสกุล อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 1 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา มีอาชีพ รับจ้างปะยางถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองกระสุนถูกที่ท้ายทอย จากการสอบสวนทราบว่า ในขณะที่นายสัมฤทธิ์กำลังขี่รถจักรยานออกจากบ้าน เพื่อเดินทางไปทำงานตามปกติ มาถึงที่เกิดเหตุคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบเลขทะเบียนตามมาประกบ แล้วใช้อาวุธปืนยิงใส่ ก่อนจะหลบหนีไป


"กำหนดแนวทางยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหา"


ต่อมาเวลา 09.00 น. นายอับดุลปาตัส สาแม อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 2 บ้านตามุง ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ผู้ต้องสงสัยในคดีป่วนใต้หลายคดี เดินทางเข้ามอบตัวกับ นาวาโทบุญเกิด มูลละกัน ผบ.กองพัน ทหารราบที่ 9 หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ ค่ายจุฬาภรณ์ อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อต่อสู้คดี

เมื่อเวลา 16.30 น. พล.ท.จักรกฤษณ์ อินทรทัต โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยหลังประชุมสภากลาโหม ว่าที่ประชุมได้รับทราบยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ปี 2550 ตามที่กองทัพบกเสนอ ซึ่งมีสาระสำคัญ แบ่งออกเป็น ยุทธศาสตร์ที่ 1 การสร้างสภาพแวดล้อมให้มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และได้แบ่งเป็นยุทธศาสตร์ย่อยอีก 3 ประเด็น คือ 1.การสร้างพื้นที่ให้ปลอดภัย 2.การทำลายองค์กรและโครงสร้างของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ

และ 3.การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเจ้าหน้าที่รัฐและลดเงื่อนไขความไม่เป็นธรรมในพื้นที่ ส่วนยุทธศาสตร์ที่ 2 เป็นการเสริมสร้างสังคมสมาน ฉันท์ โดยการเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านสังคม จิตวิทยา ให้กับประชาชนในพื้นที่และเสริมสร้างพลังประชาชนให้มีส่วนร่วมในการรักษาชุมชน รวมทั้งการแจ้งเหตุการณ์การก่อความไม่สงบ


"ผลลัพธ์คาดหวัง"


ยุทธศาสตร์ดังกล่าวได้กำหนดผลลัพธ์ ว่า จะต้องให้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความมั่นคงและปลอดภัย โครงสร้างกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบถูกทำลาย กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบถูกจับกุมตามระบบกระบวนการยุติธรรม กลับใจเข้าร่วมกับฝ่ายเรา ประชาชนมีความเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่รัฐ และแจ้งข่าวสารความเคลี่อนไหวของฝ่ายก่อความไม่สงบ รวมทั้งไม่สนับสนุนหรือให้ความร่วมมือกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ โฆษก กระทรวงกลาโหม กล่าว

พล.ท.จักรกฤษณ์ กล่าวอีกว่า ประธาน สภากลาโหมยังขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการเหล่าทัพได้แจ้งให้หน่วยที่เกี่ยวข้องสรุปข้อเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้ให้ไว้โดยนำมาวิเคราะห์ประกอบแผนการปฏิบัติของหน่วยต่าง ๆ ให้เป็นเอกภาพเพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่โดยเร็ว และเน้นย้ำให้ผู้บังคับบัญชากวดขันกำลังพลทุกระดับให้ประพฤติปฏิบัติตนให้ดี เป็นที่เชื่อมั่นศรัทธาของประชาชน.


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์