หนุ่มใหญ่สารภาพกุเรื่องถูกปาหินชิงทรัพย์

จากกรณี พ.ต.ท. สมเกียรติ จาคีไพบูลย์ สว.เวร สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งจากนายสมมาตร โคธา อายุ 39 ปี

อยู่บ้านเลขที่ 207/19 ซอยประชาอุทิศ 5 แขวงทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง กทม. ว่าถูกคนร้าย 3 คนปาหินใส่รถยนต์กระบะนิสสัน สีเขียว ทะเบียน ลฐ 8610 กทม. ที่ขับมา เหตุเกิดบนถนนสายโพรงมะเดื่อ-นครปฐม หมู่ 2 ต.หนองงูเหลือม อ.เมืองนครปฐม แล้วคนร้ายทั้ง 3 คนยังวิ่งตามมา เปิดประตูกระชากตัวออกจากรถพยายามทำร้าย พร้อมชิงใส่เงินสดไป 4 หมื่นบาท และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง หลบหนีไป ภายหลังพ.ต.อ.ภาสกร กลั่นหวาน ผกก.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.ปรีดา อิ่มเจริญ รอง ผกก. สส.ภ.จว.นครปฐม และ.ชุดสืบสวน ฟังการให้สอบปากคำจากนายสมมาตรแล้ว พบว่าให้การสับสน และจากการตรวจสภาพรถและจุดเกิดเหตุก็ไม่พบหลักฐานใดๆ ที่จะทำให้กระจกแตกได้ รวมถึงตัวนายสมมาตร ก็ไม่มีบาดแผลถูกกระจกบาดใดๆ ทั้งสิ้น พบเพียงเหล็กกากบาทสำหรับขันล้อรถยนต์ 1 อันวางอยู่บริเวณเท้าคนขับตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 ก.ค. ที่ห้องประชุม สภ.เมืองนครปฐม พล.ต.ต.ยงยุทธ เตียวตระกูล รอง ผบช.ภ.7 

พล.ต.ต.ศักดิ์ชัย ตันบุญเอก ผบก.ภ.จว.นครปฐม พร้อมเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันนำตัว นายสมมาตร โคธา อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 207/19 ซอยประชาอุทิศ 5 แยก 3-2 ถนประชาอุทิศ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร พร้อมเงินสด จำนวน 40,000 บาท ที่ยึดได้มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่าหลังสอบสวนเหตุการณ์ทั้งหมดพบว่ามีพิรุธ ในที่สุดนายสมมาตรจึงสารภาพว่าเป็นผู้สร้างสถานการณ์ขึ้นมาเองทั้งหมด เนื่องจากต้องการที่จะนำเอาเงิน จำนวน 40,000 บาท ซึ่งเป็นของนายจ้างไปหาซื้อโทรศัพท์มือถือไว้ติดต่อกับแฟนสาว โดยนายสมมาตร เป็นผู้ที่ใช้ก้อนหินขว้างกระจกรถยนต์กระบะคันที่ขับขี่มาจนแตก แล้วใช้ศีรษะของตนเองโขกกับพวงมาลัยรถที่ขับขี่มาเพื่อต้องการที่จะให้มีบาดแผล ส่วนกระเป๋าเสื้อที่สวมใส่มาก็ทำให้ขาดโดยการใช้กำปั้นดันเข้าไป ส่วนโทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง ที่อ้างว่าถูกคนร้ายลักเอาไปนั้นได้นำเอาไปโยนทิ้งลงในคลองชลประทานใกล้จุดที่ทุบกระจก

ส่วนเงินสด จำนวน 40,000 บาท ได้ใส่ในถุงพลาสติกแล้วนำไปซุกซ่อนไว้บริเวณใต้พื้นห้องส้วมของสถานที่ทำงาน ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 5/9 หมู่ที่ 8 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร

หลังรับสารภาพได้นายสมมาตรได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจยึดของกลางประกอบการดำเนินคดี พร้อมทั้งดำเนินคดีในข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน และยักยอกทรัพย์ ซึ่งจะได้ประสานกับทางนายจ้างของนายสมมาตร ซึ่งขณะนี้เดินทางไปต่างประเทศให้มาดำเนินการตามความประสงค์ของผู้เสียหาย ในส่วนที่เกี่ยวข้องในภายหลังต่อไป พร้อมทั้งควบคุมตัวนายสมมาตรไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

ด้านนายสมมาตร สารภาพว่าว่า ไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะทำอย่างนี้แต่น้อยใจที่นายจ้างได้ผลตอบแทนจากที่ตนทำให้มาก ขณะที่ตนเองได้รับเพียงเล็กน้อย

อีกทั้งตนได้ชอบพอกับสาวคนหนึ่งรู้จักกันทางโทรศัพท์อยู่แถว อ.บ้านแพ้ว แต่ไม่เคยเจอหน้ากัน จึงคิดหาเงินสักก้อนเพื่อซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่ทันสมัยเพื่อจะได้ใช้ติดต่อให้เห็นหน้าตาแฟนสาวที่จีบมากว่า 1 ปี


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์