รวบแก๊งแสบ ฉกสมุด ถอนปิดบัญชี

พล.ต.ต.ประพันธ์ พานิคม ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี ได้รับแจ้งจากธนาคารออมสิน จำกัด สาขาย่อยโรงภาพยนตร์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ว่ามีลูกค้ามาเบิกเงิน แต่บัตรประชาชนที่ใช้เป็นหลักฐานในการเบิกสงสัยว่าเป็นบัตรปลอม

พล.ต.ต.ประพันธ์สั่งให้ พ.ต.อ.จิระศักดิ์ เหมือนรอดดี ผกก.สภ.ต.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ อ.ธัญบุรี พ.ต.ท.ชูเกียรติ อิ่มใจ รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.ชัยณรงค์ เมฆวัฒนกุล สว.สส. พร้อมชุดสืบสวนไปดำเนินการ พบหญิงสาวอายุ 30 ปีเศษ ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์เบิกเงิน จึงขอดูสมุดบัญชี เป็นสมุดบัญชีธนาคารออมสิน สาขาน่าน ระบุชื่อนางชมชื่น ศรีโพนชัย มีเงินในบัญชีเหลืออยู่ 20,000 บาท

แต่เมื่อเช็กประวัติของนางชมชื่น ศรีโพนชัย เจ้าของบัญชีที่ให้ไว้กับธนาคาร ปรากฏว่าอายุ 76 ปี จึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงค้นตัว พบบัตรประจำตัวประชาชนของจริงชื่อนางคนึงนิตย์ ปลูกชัยภูมิ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 191 หมู่ 4 ต.หนองบัวบาน อ.จตุรัส จ.ชัยภูมิ ขณะเดียวกันมีพวกของนางคนึงนิตย์รออยู่หน้าธนาคารอีก 1 คน จึงควบคุมตัวไว้ชื่อนายฤาฤทธิ์ วงศ์เป็ง อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22/1 ต.น้ำโจ้ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง

พรรคพวกร่วมแก๊งจะงัดบ้านที่เจ้าของไม่อยู่ขโมยสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารนำไปส่องกับแสงไฟสีม่วง หรือแบล็กไลต์จะทำให้เห็นลายเซ็นเจ้าของบัญชีที่อยู่ในสมุด จากนั้นจะฝึกเซ็นจนเหมือน แล้วให้นายฤาฤทธิ์ วงศ์เป็ง ปลอมบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดชื่อเจ้าของบัญชีและใส่รูปหน้าของตนลงไปในบัตร จากนั้นจะนำไปถอนเงินจากธนาคาร

สำหรับสมุดบัญชีของนางชมชื่น ศรีโพนชัย อายุ 76 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 2 ต.ท่าน้ำ กิ่ง อ.ภูเพียง จ.น่าน มีเงินในบัญชีทั้งหมดกว่า 5 แสนบาท เบิกไปแล้วหลายครั้ง กระทั่งเหลือแค่ 20,000 บาทเศษ จะมาเบิกครั้งสุดท้ายก็ถูกจับได้ ที่ผ่านมาทำมาแล้วหลายสิบราย ได้เงินรวมแล้วหลายล้านบาท

สว.สส. สภ.ต. ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ร.ต.อ.ไพรัช ครองญาติ รอง สว.สส. ร.ต.อ.อนันต์ ไชยยะ รอง สว.สส. พร้อมชุดสืบสวนออกติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้อีก 2 คน ชื่อนายพรนิมิตร ณ เวียงจันทน์ อายุ 34 ปี บ้านเดิมอยู่เลขที่ 207 หมู่ 1 ต.ไกรทอง อ.คลองหาด จ.สระแก้ว และนายยอดชาย โพนเพ็ก อายุ 30 ปี บ้านเดิมอยู่เลขที่ 97 หมู่ 3 ต.เพ็ญ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี

บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ถนนปทุมธานีสายใน ต.บางปรอก อ.เมืองปทุมธานี พร้อมของกลางสมุดบัญชีเงินฝากของธนาคารต่างๆหลายเล่ม ตั๋วจำนำ เครื่องส่องแสงแบล็กไลต์ สร้อยมุก แหวนทองคำ แหวนเพชร และเหรียญพระจำนวนมาก

เคยติดคุก 3 ปี ข้อหาลักทรัพย์ในเขต จ.นนทบุรีและปทุมธานี เมื่อพ้นโทษได้รู้จักกับนายฤาฤทธิ์ชวนมาร่วมงาน เพราะเห็นว่าชำนาญการงัดแงะเข้าไปโจรกรรมทรัพย์สินตามบ้านพร้อมกับชวนนายยอดชายมาร่วมด้วย โดยนายฤาฤทธิ์เป็นคนชี้บ้านเป้าหมาย แล้วตนจะงัดเข้าไป โดยนายยอดชายคอยดูต้นทาง เน้นขโมยสมุดบัญชีธนาคารทุกชนิดนำมาให้นายฤาฤทธ์ ส่วนทรัพย์สินอื่นตนจะนำไปขาย นอกจากนี้ ยังได้เงินส่วนแบ่งจากนายฤาฤทธิ์ด้วย

ทุกคนมีหมายจับ เป็นแก๊งใหญ่ ทำมาแล้วกว่า 20 ครั้ง แต่ละครั้งได้เงินไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท เคยเบิกเงินสูงสุดกว่า 1 ล้านบาทในบัญชีเดียว ได้เงินไปแล้วหลายล้านบาท จึงสั่งให้สอบสวนขยายผลเพื่อจับกุมพวกร่วมขบวนการที่เหลือโดยเฉพาะการปลอมบัตรประชาชน

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ