คดียิงสวป.พลิกอีก ปล่อย 3 โจ๋ กุเรื่อง-หวังสินบน

ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตบนถนนหน้าเรือนจำกลางพระนครศรีอยุธยา ภายหลังจากที่ตำรวจระดมกำลังออกสืบหาเบาะแสของคนร้าย ทั้งแก๊งอิทธิพล และแก๊งรถซิ่ง

กระทั่งล่าสุดตำรวจสามารถคว้าตัว 3 วัยรุ่นแก๊งจักรยานยนต์ซิ่งต้องสงสัย ประกอบด้วยนายอ๊อฟ นายแจ็ก และนายเล็ก (นามสมมติ) ไปสอบปากคำ หลังพบเบาะแสว่าทั้งหมดอาจมีส่วนพัวพันกับคดีสังหาร พ.ต.ต.กิติศักดิ์ โดยเบื้องต้นนายแจ็กกับนายเล็กให้การสารภาพว่าได้ร่วมกันสังหาร พ.ต.ต.กิติศักดิ์ จริง เพราะไม่พอใจที่ พ.ต.ต.กิติศักดิ์ จะจับกุมนายอ๊อฟ เพื่อนแก๊งรถซิ่งด้วยกัน แต่ระหว่างหลบหนีนายอ๊อฟเกิดอยากได้เงินรางวัลนำจับจำนวน 3 แสนบาท จึงให้นายเอก (นามสมมติ) เพื่อนอีกคนโทรศัพท์แจ้งเบาะแสกับตำรวจหวังได้เงินรางวัลไปแบ่งกัน เพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนยิง เพียงแต่อยู่ในเหตุการณ์

ชุดคลี่คลายคดีนำโดย พล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง รอง ผบช.ก.ยังคงเค้นสอบปากคำผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน คือนายอ๊อฟ นายแจ็ก และนายเล็ก โดยแยกตัวไปสอบที่เซฟเฮ้าส์แต่ละแห่ง เนื่องจากคำให้การของคนทั้งหมดยังมีความขัดแย้งกันในหลาย ประเด็น ตำรวจจึงยังไม่ได้ตั้งข้อหากับวัยรุ่นทั้ง 3 คน เพียงแต่นำตัวไปสอบปากคำในฐานะผู้ต้องสงสัยเท่านั้น ในชั้นต้นนายอ๊อฟหนึ่งในผู้ต้องสงสัยยังคงให้การยืนยันในคำให้การเดิม คืนเกิดเหตุขณะขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไปถึงหน้าเรือนจำกลางพระนครศรีอยุธยา พบ พ.ต.ต.กิติศักดิ์เรียกตรวจค้น ระหว่างนั้นนายแจ็กกับนายเล็กขี่รถจักรยานยนต์ซิ่งตามมาสมทบคิดว่า พ.ต.ต.กิติศักดิ์จะจับกุม จึงแสดงความไม่พอใจชักปืนออกมายิง พ.ต.ต.กิติศักดิ์เสียชีวิต แล้วแยกย้ายกันหลบหนี ภายหลังตำรวจประกาศตั้งรางวัลนำจับเป็นเงิน 3 แสนบาท นายอ๊อฟเกิดอยากได้เงินรางวัล จึงบอกให้นายเอก เพื่อนอีกคนโทรศัพท์แจ้งเบาะแสกับตำรวจหวังนำเงินรางวัลไปแบ่งกัน เพราะคิดว่าตัวเองไม่ผิด เพียงแต่อยู่ในเหตุการณ์ กระทั่ง ถูกตำรวจควบคุมตัวไว้ได้ทั้งหมด ในขณะที่นายแจ็กกับนายเล็ก ต่างให้การซัดทอดกันว่าเป็นคนลั่นไกยิง

ขัดแย้งกับพยานหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุหลายประเด็น และเมื่อถูกตำรวจเค้นสอบหนักเข้าผู้ต้องสงสัยทั้งหมดกลับให้การวกวน จนในที่สุดยอมรับว่ากุเรื่องขึ้นมาเพื่อต้องการเงินรางวัลนำจับจำนวน 3 แสนบาท ทำให้ตำรวจต้องพบกับทางตันอีกครั้ง และปล่อยตัวทั้งหมดกลับไปในที่สุด ต่อมาเวลา 16.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.วราวุธ พุกประยูร ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ประชุมร่วมกับตำรวจกองปราบปรามและตำรวจภาค 1 เพื่อสรุปความคืบหน้าของคดี โดยมีรายงานด้วยว่าในการประชุมตำรวจเริ่มหนักใจกับรูปคดีมากขึ้น เนื่องจากต้องหันไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามรายละเอียดของคดีจากนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง ปรากฏว่าทุกคนปิดปากเงียบไม่ยอมให้สัมภาษณ์ โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. (ปป.) ที่สั่งห้ามตำรวจทุกนายให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคดี อ้างว่าจะทำให้เกิดความสับสนและเสียรูปคดี

กิจพัฒนา ใน อ.บางเลน จ.นครปฐม พร้อมญาติพี่น้องกลุ่มหนึ่งประมาณ 5-6 คน ได้เข้าพบผู้สื่อข่าวชี้แจงถึงกรณี น.ส.สติวิมล พัฒนากิจการ อายุ 35 ปี ลูกสาว ตกเป็นข่าวคบหาเป็นแฟนกับ พ.ต.ต.กิติศักดิ์ สถิตพานิช ช่วยราชการ สวป.สภ.อ.อุทัย และมีกำหนดจะแต่งงานกัน แต่ พ.ต.ต.กิติศักดิ์มาถูกยิงเสียชีวิตไปก่อนว่า ข้อเท็จจริงทั้งคู่ไม่ได้เป็นแฟนหรือคู่หมั้นกันแต่อย่างใด พ.ต.ต.กิติศักดิ์สนิทสนมกับครอบครัวของตนมานานหลายปีแล้ว รักเหมือนลูกบุญธรรมคนหนึ่ง ความใกล้ชิดอาจจะทำให้คนภายนอกมองว่าเป็นแฟนกับ น.ส.สติวิมล ข่าวที่ออกมาทำให้ครอบครัว โดยเฉพาะตัวของ น.ส.สติวิมลได้รับความเสียหาย เพราะคนทั้งคู่คบหากันเหมือนพี่น้องคนในครอบครัวมากกว่าคนรักกัน

กับ ผวจ.ทั่วประเทศในการประชุมกระทรวงว่า ต้องดูแลเรื่องผู้มีอิทธิพลและยาเสพติด เพราะใกล้ช่วงการเลือกตั้งแล้ว อะไรที่จะทำให้เกิดผลเสียก็ต้องดูแลอย่างจริงจัง ขณะนี้มีแก๊งกวนเมืองมาก ก่อเหตุความเดือดร้อนหลายอย่าง เช่นการยิง สวป.ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ดังนั้น ขอให้มีการตัดตอน ไม่ให้แก๊งกวนเมืองขยายผลได้ อย่าปล่อยให้เพิ่มจำนวนมากขึ้นจนสร้างความเดือดร้อนกับประชาชน ล่าสุดมีข่าวว่ามีการรวมตัวกันของแก๊งกวนเมืองใน จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.นครสวรรค์ ขอให้ ผวจ.ประสานความร่วมมือตั้งด่านตัดตอนในพื้นที่ตั้งแต่ จ.อ่างทอง จ.สิงห์บุรี จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.นครสวรรค์

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ