เหวียงชี้ถูกโยงคดีสนธิเพราะลูกน้อง

คมชัดลึก :“เชษฐา” ลั่นกลัวบาป ไม่กล้าสั่งยิงใคร เชื่อตร.เข้าใจ รับธรรมดาถูกโยงยิง“สนธิ” เหตุลูกน้องเป็นผู้ต้องหา การันตี“จ่าปัญญา” มีวินัย -เรียบร้อย เผย เคยคุย“สนธิ”ถูกคอยันไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร

(18ก.ค.) พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และอดีตผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการลับ ลวง พรางทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 ถึงกรณีที่จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา อดีตนายทหารติดตาม ตกเป็นผู้ต้องหาคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ตนตั้งหลักไว้ว่า เราต้องรับความจริง คือความจริงก็คือความจริง ไม่จริงก็คือไม่จริง ดังนั้นอย่าทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง โดยควรยึดถือกฎหมายของบ้านเมือง ส่วนกรณีที่มีคนพยายามโยงว่า ตนเข้าไปเกี่ยวข้องคดีนี้นั้น คิดว่า ใครๆก็ต้องคิดอย่างนั้น เพราะบังเอิญว่าเขาเคยอยู่ใกล้ตัวเรา
 
 เมื่อถามว่า หากจ.ส.อ.ปัญญา ติดต่อมาจะแนะนำให้มามอบตัวหรือไม่ พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า เราไม่รู้ว่าคดีไปถึงไหน แต่คิดว่า เขาคงไม่กล้า เพราะธรรมดาไม่เคยโทรหา แต่เขาคงไม่ทำแน่ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวเขา เพราะเราไม่รู้ตื้นลึก หนา บางเป็นอย่างไร การจะไปชี้แนะคงลำบาก
 
 ต่อข้อถามที่ว่า การมีชื่อท่านไปโยงอาจเพราะท่านย้ายมาเป็นที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยหรือไม่ พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ไม่แน่ใจ แต่ไม่ได้มีบทบาทอะไร คงไม่เห็นความสำคัญขนาดนั้น แต่อาจมีส่วนอยู่บ้าง เพื่อโยงไปถึงพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร แต่ไม่แน่ใจเหมือนกัน
 
 เมื่อถามว่า ประหลาดใจหรือไม่ เหตุใดคดีจึงมาเปิดเผยในช่วงนี้ พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลที่ต้องพยายามหาข้อมูลก่อน เข้าใจว่า เขาคงทำมาโดยตลอด เพราะเมื่อรับมอบหน้าที่ก็ต้องทำ
 
 ถามว่า ปัจจุบันนายสนธิโทรมาหาท่านหรือไม่ พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ไม่ได้โทร ส่วนใหญ่คุยกันตั้งแต่ก่อนตนเป็นผบ.ทบ. ซึ่งเคยคุยและถูกคอกัน และนายสนธิมีแง่คิดอะไรดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ โดยส่วนใหญ่ตนเป็นผู้ไปหา และเคยกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่บ้านพระอาทิตย์บ่อย ๆ แต่ตอนนี้เมื่อเริ่มมีพันธมิตรฯจึงค่อยห่างๆกันไป ทั้งนี้ไม่ได้เจอนายสนธิหลายปีแล้ว แต่จะให้ไปตอนนี้จริงๆก็ไปได้ เพื่อยืนยันแต่ขออยู่เฉย ๆ ดีกว่า
 
 ต่อข้อถามที่ว่า เชื่อหรือไม่ว่า ลูกน้องจะไม่ไปดำเนินการลอบยิง พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า มันไกลเกินตัวที่จะพูดได้ แต่เท่าที่สังเกต คนที่ถูกกล่าวหาเป็นคนมีวินัยดี เงียบ ๆเฉยๆ แทบไม่เคยพูดกันเลย ส่วนจ.ส.อ.ปัญญา เป็นคนเฉยๆ นิ่งๆ เรียบร้อย
 
 ผู้สื่อข่าวถามว่า มีคนสงสัยว่าพล.อ.เชษฐา จะสั่งให้ยิงคนได้หรือพล.อ.เชษฐา กล่าวว่า “ผมคงไม่กล้า เพราะกลัวบาปอยู่แล้ว ถ้าเป็นศัตรูของชาติจริงๆ ที่เป็นภัยสงคราม อย่างนี้โอเค เพราะถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมไม่เคยมีศัตรู แนวทางของเราหาคนเป็นศัตรูยาก เพราะเป็นฝ่ายยอมก่อน”
 
 เมื่อถามว่า การที่ตำรวจไปค้นเอกสารที่ไร่ของท่านจะกระทบต่อครอบครัวหรือไม่ พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ไม่มี เชื่อว่าแค่นั้นคงจบแล้ว เพราะอาจคิดว่า จ.ส.อ.ปัญญาไปที่นั่น เป็นความบังเอิญที่ตนไปเกี่ยวข้องกับผู้ที่ถูกกล่าวหาเท่านั้น และไม่ต้องโทรไปคุยกับนายสนธิ เพราะของแบบนี้รู้กันอยู่แล้วว่า อะไรเป็นอะไร และคงไม่ต้องประสานพล.ต.อ. ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. เพราะแนวทางสอบสวน ถ้ามีส่วนเกี่ยวข้องคงโทรมาคุยแล้ว แต่นี่ไม่มี แสดงว่า ท่านคงเข้าใจว่า อะไรเป็นอะไร
 
 เมื่อถามว่า นายสนธิคงรู้ดีว่า คนลอบยิงไม่ใช่ท่าน พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ตนคงไม่อาจหาญขนาดนั้น คงไม่กล้าหรอก เพราะไม่เคยมีศัตรูเลย ซึ่งในชีวิตนี้คงไม่เกิดกับตน
 
 เมื่อถามว่า จากการที่ท่านเกษียณราชการมานาน ท่านยังมีอำนาจที่จะไปสั่งใครให้ฆ่าได้หรือไม่ พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ตามหลักการแล้วไม่มีใครปฏิบัติ
 
 เมื่อถามว่า คิดว่าท่านเป็นแพะหรือไม่ พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า มีประเด็นที่คิดว่า ถ้าตนเป็นตำรวจยังไงต้องขอดูนิดนึง ซึ่งเราต้องยอมรับความจริงของปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ทุกอย่างได้ผ่านไปแล้ว
 
 ถามว่า มองว่าเรื่องนี้จบอย่างไร พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ไม่แน่ใจ ขึ้นอยู่กับพล.ต.อ.ธานี เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่นายสนธิ พยายามพุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมและพล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า จากที่รับราชการมา ไม่มีความรู้สึกว่าเป็นอย่างนั้น ส่วนใหญ่ที่ตนสนิทคือ คนที่ขยันทำงานและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
 เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่เวลาเกิดอะไรมักจะโทษทหาร พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ขึ้นชื่อว่าทหารบก ในภาคพื้นดินคงหนีไม่พ้น ในความรู้สึกของคนทั่วไป เพราะมีการปฏิวัติมาหลายครั้งและวนเวียนอยู่อย่างนี้จึงอาจทำให้คิดได้ แต่ทั้งหมดขึ้นกับข้อเท็จจริงมากกว่า
 
 เมื่อถามถึงการทำงานเป็นที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า เป็นที่ปรึกษาเพื่อไทย แต่ไม่ได้รับมอบหมายอะไร เพราะยังมีภารกิจส่วนตัว ทั้งนี้ไม่ได้ติดต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะตนยังไม่พร้อม โดยส่วนตัวฐานะที่มีตัวตนอย่างนี้ หากมีอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองก็จะทำทุกอย่าง