สลดใจ - ตำรวจอังกฤษประจำการอยู่หน้าโรงเรียนเซนต์ แคตเธอรีนส์ กรุงลอนดอน ซึ่ง ด.ญ.โคลเอ บั๊กลีย์ (ภาพเล็ก) เหยื่อสังเวยไข้หวัด 2009 เคยเรียน เมื่อ 14 ก.ค. |
เมื่อ 14 ก.ค. เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลก ประจำสำนักงานใหญ่นครเจนีวา กล่าวถึงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า หยุดยั้งการระบาดไม่ได้แล้ว ตอนนี้ทุกประเทศจะต้องรับมือด้วยวัคซีนป้องกัน
นางมารี-ปอล คีนี ผู้อำนวยการด้านวิจัยวัคซีน องค์การอนามัยโลก กล่าวว่า
เจ้าหน้าที่สาธารณ สุขควรต้องมุ่งไปที่การปฏิบัติงานฉีดวัคซีนที่กระจายวงกว้าง ในช่วงเวลาที่ประชาชนยังคงล้มป่วยอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าประเทศต่างๆ มีอิสระในการวางแผนว่าจะฉีดวัคซีนแก่ประชากรกลุ่มใดก่อน แต่กลุ่มที่อยากให้เน้นคือเด็ก เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ไวรัสระบาด หลังจากมีผู้ติดเชื้อแล้วทั่วโลกกว่า 90,000 ราย เสียชีวิตอย่างน้อย 429 ราย โดยผู้เสียชีวิตในเอเชีย ไทยมีจำนวนมากที่สุด 21 ราย
ด้านอังกฤษ ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 17 ราย เหยื่อรายล่าสุดเป็นเด็กหญิงอายุ 6 ขวบที่เดิมสุขภาพแข็งแรงดี หนังสือพิมพ์เดลี่เมล์รายงานว่า เกิดจากการที่แพทย์วินิจฉัยผิดพลาด
ด.ญ.โคลเอ บั๊กลีย์ ครอบครัวอาศัยอยู่ในย่านเวสต์เเดรย์ตัน ฝั่งตะวันตกของกรุงลอนดอน กำลังจะฉลองวันเกิดครบ 7 ขวบ แต่เสียชีวิตไปก่อนถึงวันเกิดเพียงวันเดียว เด็กหญิงป่วยอยู่เพียง 48 ชั่วโมง เริ่มด้วยอาการเจ็บคอ เมื่อไปโรงพยาบาล แพทย์วินิจฉัยว่า ต่อมทอนซิลอักเสบ จึงไม่ได้ให้ยาทามิฟลูสู้โรคหวัด กว่าจะรู้ก็ไม่ทันการณ์แล้ว เด็กหญิงเสียชีวิตในวันพฤหัสบดี ช่วงเดียวกับที่น.พ.ไมเคิล เดย์ แพทย์ผู้รักษาโรคหวัดวัย 64 ปี เสียชีวิตเพราะเชื้อหวัด 2009 ที่เมืองลูตัน
วันเดียวกัน สหรัฐแจ้งว่า
รัฐบาลจะทุ่มงบอีก 35,000 ล้านบาท ผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัด 2009 โดยขณะนี้กำลังวิจัยพัฒนาวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด หลังจากสหรัฐเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตและติดเชื้อมากที่สุดในโลก เสียชีวิต 211 ราย ติดเชื้อ 37,000 คน