แต่นายวิฑูรย์ ชื่นจิต เสี่ยเจ้าของธุรกิจขายโลงศพ วัย 25 ปี เจ้าของบ้านก็ปักใจเชื่อเต็มที่ว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา
งานนี้จะต้องเป็นฝีมือของคนไม่หวังดี
ทำคุณไสยแกล้งให้ไฟไหม้บ้าน!!?
แต่ในมุมวิทยาศาสตร์เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับมองว่า
เรื่องนี้น่าจะเกิดจากความประมาทหรือไม่ก็เป็นอุบัติเหตุธรรมดาที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งไม่ว่าเรื่องนี้จะมาจากสาเหตุใด เป็นอุบัติเหตุหรือเรื่องราวที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ผลที่ตามมาก็คือความเสียหายในธุรกิจขายโลงศพที่นายวิฑูรย์ทำอยู่ต้องขาดทุนมากมาย
งานนี้ถึงขั้นต้องย้ายบ้านหนี!!
เรื่องประหลาดอัศจรรย์ครั้งนี้เกิดขึ้นที่บ้านเลขที่ 85 บ้านหัวลิง หมู่ที่ 10 ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เป็นบ้านเช่าที่นายวิฑูรย์เช่าไว้เปิดเป็นร้านขายโลงศพ และรับจัดงานศพแบบครบวงจร ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าหลังจากเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ได้เดือนเศษๆ ก็เกิดเหตุประหลาดไฟไหม้ติดต่อกันเกือบ 50 ครั้ง เล่นเอาเจ้าของบ้านต้องแก้ปัญหาจ้าละหวั่น
ครั้งล่าสุดที่เกิดเหตุไฟไหม้บ้าน คือ
ในวันที่ 30 มิ.ย. วันนั้นเกิดเหตุไฟไหม้ถึง 3 ครั้งติดต่อกัน ครั้งแรกไหม้ผ้าสำหรับประดับงานศพ จากนั้นไหม้กระถางดอกไม้พลาสติก และครั้งสุดท้ายไปลุกไหม้โลงศพที่ตั้งวางขายอยู่ในร้าน ซึ่งในแต่ละครั้งกล้องวงจรปิดที่เจ้าของบ้านลงทุนติดตั้งไว้เพื่อจับผิดคนวางเพลิง ไม่สามารถจับภาพได้เหมือนทุกๆ ครั้ง เห็นแต่คนในบ้านเดินไปเดินมาเท่านั้น
จึงเกิดคำถามตามมาว่าแล้วไฟที่ลุกไหม้มาจากไหน?
นอกจากวันที่ 30 มิ.ย. แล้วก่อนหน้านั้น 1 วันในตอนเย็นก็เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่บริเวณห้องนอนชั้นสองของบ้าน แต่เจ้าหน้าที่สามารถนำรถน้ำมาฉีดสกัดเพลิงเอาไว้ได้ ทำให้ตู้เสื้อผ้าในห้องและฝ้าเพดาน ถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหาย ประมาณ 2 หมื่นบาท และในเช้าวันเดียวกัน ก็เกิดเพลิงลุกไหม้ตะกร้าผ้าเปล่าที่วางอยู่ใต้ถุนบ้านโดยไม่ทราบสาเหตุด้วยเช่นกัน
ลำพังไฟไหม้ 3-4 ครั้งก็คงจะสันนิษฐานได้ว่าอาจเกิดจากความประมาท หรือไม่ก็เกิดจากอุบัติเหตุ เพราะธุรกิจร้านขายโลงศพมักจะมีพวกกองไม้ เศษวัสดุ ติดไฟวางไว้เกลื่อนกลาด แต่เมื่อย้อนกลับไปดูประวัติการเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่บ้านหลังนี้แล้ว ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าสาเหตุเกิดจากเรื่องใดกันแน่ เพราะที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้ติดต่อกันนับครั้งไม่ถ้วน จนเจ้าของบ้านแทบไม่ต้องเป็นอันทำอะไร วันๆ เอาแต่นั่งเฝ้ากลัวไฟจะไหม้บ้านวอดวาย
ขนาดติดกล้องวงจรปิดทั่วบ้านยังไม่เจอสิ่งผิดปกติต้องสงสัย!!?
เหตุไฟไหม้โดยไม่รู้ที่มาที่ไปในหลายๆ ครั้ง ทำให้นายวิฑูรย์ต้องวิ่งโร่เข้าแจ้งความกับตำรวจโรงพักเมืองบุรีรัมย์ถึง 8 ครั้ง และทุกครั้งเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเหตุเกิดจากสาเหตุใด ไม่พบแม้กระทั่งเบาะแสการวางเพลิง หรือร่องรอยของไฟฟ้าลัดวงจร เพราะบริเวณที่เกิดเหตุเพลิงลุกไหม้ ไม่มีปลั๊กไฟ และไม่มีคนแปลกหน้าเล็ดลอดเข้าไปในบ้านได้...
เมื่อเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ นายวิฑูรย์จึงหันไปหาทางแก้ทางไสยศาสตร์ โดยเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าของบ้านได้นิมนต์พระสงฆ์จาก 9 วัด มาทำพิธีสวดเพื่อปัดรังควาน แต่ขณะพระสงฆ์ทำพิธีสวดก็ยังเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นถึง 13 ครั้ง จนคนในบ้านต้องช่วยกันนำน้ำมาดับไฟ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความหวาดผวา และประหลาดใจให้กับคนในบ้าน และชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงจนแทบไม่มีใครกล้าเข้าบ้านหลังนี้
แต่ที่หนักไปกว่านั้นคือในแต่ละวัน จะมีคนมาด้อมๆ มองๆ แถวหน้าบ้าน เพื่อพิสูจน์ความลึกลับเกี่ยวกับเหตุไฟไหม้โดยไม่รู้ที่มาที่ไป จนสร้างความหวาดผวาให้คนในบ้านไปตามๆ กัน ซึ่งเหตุพิลึกพิลั่นครั้งนี้ ทำให้ธุรกิจขายโลงศพของนายวิฑูรย์ต้องซบเซาลง ลูกค้าหดหายไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายเกือบหลักล้าน มิหนำซ้ำลูกน้องยังเกิดความหวาดกลัวพากันลาออกไปหลายคน แต่นายวิฑูรย์ก็ยังยืนยันประกอบธุรกิจนี้ต่อไป เพราะรับช่วงต่อมาจากบิดา แต่เพื่อความสบายใจนายวิฑูรย์จึงตัดสินใจขนของย้ายออกจากบ้านหลังนี้ เพื่อหนีเหตุร้ายที่เกิดขึ้น โดยจะไปเปิดร้านใหม่ที่อ.ลำปลายมาศ และจะไปหาหมอเขมรขมังเวทมาแก้อาคม เพราะเชื่อว่าตนเองถูกทำคุณไสยจากคู่แข่งทางธุรกิจจนทำให้ถูกไฟไหม้หลายหน
"วิฑูรย์"ยืนยันว่านี่คือความเชื่อส่วนบุคคล!!?
"ผมเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้องไม่ธรรมดา และไม่น่าจะเกิดจากการลอบวางเพลิง หรือไฟฟ้าลัดวงจร เพราะตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในบ้านหมดแล้ว ไม่พบสิ่งผิดปกติ เชื่อว่าน่าจะเกิดจากคาถาอาคม หรือคุณไสยจากคู่แข่งทางด้านธุรกิจ เพราะทุกครั้งที่เกิดเพลิงไหม้ กล้องไม่สามารถจับภาพคนร้ายได้เลย ติดผ้ายันต์ก็ยังไม่ดีขึ้น และจะพบเศษเถ้ากระดูกที่เผาศพคนตายปะปนอยู่กับขี้เถ้าไฟที่ไหม้ด้วย ผมต้องหาทางแก้ไขเรื่องนี้ด้วยการไปหาหมอเขมรให้ช่วยแก้คุณไสย ผมเชื่อในเรื่องนี้เพราะวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้เลย ขนาดติดกล้องวงจรปิดยังจับใครไม่ได้ แต่บางคนก็ว่าเป็นอาถรรพ์ เพราะเจ้าของบ้านหลังนี้ ทั้งพ่อแม่และลูกชายตายโหงทั้งหมด ตอนนี้จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อความสบายใจ" นายวิฑูรย์ กล่าว
ส่วนทางด้านการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ พล.ต.ต.สมบัติ คงพิบูลย์ ผบก.ภ.จว. บุรีรัมย์ สั่งการให้พ.ต.อ.รุทธพล เนาวรัตน์ ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ ไขคดีเพลิงไหม้ปริศนาที่บ้านหลังนี้เป็นการด่วน ผู้กำกับฯ รุทธพล ส่งชุดสืบสวนลงหาข่าวในพื้นที่ทันที เพราะถือว่าเป็นคดีพิเศษที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
หากสืบพบว่าเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างสถานการณ์หรือลอบวางเพลิงก็จะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุทันที
และเพื่อเป็นการพิสูจน์ความจริงเรื่องนี้ ดร.สมหมาย ปะติตังโข หัวหน้าภาควิชาวิทยาศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ได้ไปที่บ้านหลังนี้ พร้อมระบุว่า หากจะมองในด้านวิทยาศาสตร์ก่อนจะเกิดเพลิงไหม้ได้ต้องมีสิ่งที่เป็นเชื้อไฟ หรือสารเคมีบางอย่าง เกิดการสันดาปกับอิเล็กตรอน และเกิดปฏิกิริยาว่องไวต่อแสง จึงจะทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ ถ้าเกิดไฟไหม้ขึ้นเองคงเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ ไม่มีสิ่งที่จะทำปฏิกิริยาได้ เพราะจากการสำรวจดูแล้วสายไฟฟ้าภายในบ้านก็ถูกตัดขาดทั้งหมด
ส่วนความเชื่อทางด้านไสยศาสตร์นั้นก็ควรใช้วิจารณญาณว่าควรเชื่อหรือไม่
ยังคงเป็นปริศนากันต่อไป!!?