"ถึงแม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ แต่เราก็มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประจักษ์พยานที่เห็นคนร้ายอยู่ในที่เกิดเหตุก่อนจะพบศพผู้ตาย ซึ่งพยานยืนยันหนักแน่นว่าเห็นผู้ต้องหาลงมือฆ่าแม่กับน้องสาวแน่นอน"
คือ คำกล่าวอันหนักแน่นของพ.ต.อ.สมหมาย พุทธกูล รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ในการให้สัมภาษณ์หลังพิชิตคดีคนร้ายลงมือฆ่านางอารีย์ นรากร อายุ 49 ปี กับน.ส.ขนิษฐา นรากร อายุ 18 ปี สองแม่ลูกเสียชีวิตอย่างน่าสลด
ตายคาบ้านพักอย่างน่าสยดสยอง
นายสุขสวัสดิ์ นรากร อายุ 21 ปี คือคนร้ายที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่าสองแม่ลูกคู่นี้ และที่สำคัญ นายสุขสวัสดิ์ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนคือลูกชายของนางอารีย์ และเป็นพี่ชายของน.ส.ขนิษฐานั่นเอง ทำแบบนี้เพราะความไม่พอใจและแค้นใจที่คนเป็นแม่ไม่ยอมไปประกันตัวในคดีที่ถูกจับข้อหาชิงทรัพย์ก่อนหน้านี้ พอหลุดจากคุกมาได้จึงกลับมาบ้านเพื่อคิดบัญชีแค้นกับคนเป็นแม่และน้องจนถึงแก่ความตาย
แต่ทว่าหลังถูกจับได้นายสุขสวัสดิ์ ยังคงให้ การปฏิเสธเสียงแข็งบอกไม่เคยฆ่าใคร
พยานหลักฐานจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริง
ย้อนไปดูเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นตอนเที่ยงคืนวันที่ 28 มิ.ย. ตำรวจโรงพักกะปาง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุยิงกันตายที่บ้านเลขที่ 67 ม.5 ต.ที่วัง อ.ทุ่งสง พ.ต.ต.ผจญ เนียมรินทร์ สารวัตรเวรฯ จึงรายงาน พ.ต.ท.วิมล ทองตะกุก สารวัตรใหญ่ พ.ต.ต.ชัชชัย แก้วอ่อน สวป. นำกำลังไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเป็นร้านขายของชำ มีไทยมุงมามุงดูเหตุการณ์จำนวนมาก ที่ห้องรับแขกมีเลือดนองพื้น ในห้องน้ำพบร่างนางอารีย์ เจ้าของบ้าน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. เข้าที่ขมับซ้าย 1 นัด ตายในชุดเสื้อคอกระเช้าลายดอก สีแดง นุ่งผ้าถุงลายดอกสีส้ม ที่พื้นพบปลอกกระสุนปืนตกอยู่ 9 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งนอกจากนางอารีย์แล้วยังมีน.ส.ขนิษฐา ลูกสาวคนเล็กถูกยิงด้วยปืนขนาดเดียวกันเข้าที่ศีรษะและหน้าอกรวม 7 นัด เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล
เกิดเหตุร้ายขึ้นแล้วที่บ้านหลังนี้!!
ในตอนแรกตำรวจคิดว่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ แต่เมื่อตรวจสอบแล้วกลับไม่พบว่ามีทรัพย์สินสูญหาย จึงไล่สอบปากคำพยานแวดล้อมจนกระทั่งไปพบประจักษ์พยานซึ่งถือเป็นพยานปากเอก ให้การยืนยันว่า ก่อนพบศพสองแม่ลูกเห็นนายสุขสวัสดิ์อยู่ที่บ้านหลังนั้น
โดยในคืนนั้น นายสุขสวัสดิ์ขับรถจักรยานยนต์มาที่บ้าน เมื่อมาถึงก็มีปากเสียงกับนางอารีย์ซึ่งนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกกับน.ส.ขนิษฐา ซึ่งนายสุขสวัสดิ์ได้ต่อว่าแม่ที่ไม่ไปประกันตัวตนเองตอนโดนจับคดีชิงทรัพย์ที่ร้านทองในอ.ทุ่งสง เมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา จนกระทั่งยายต้องไปประกันตัวให้ในชั้นศาล และหลังจากนั้นนายสุขสวัสดิ์จึงหนีประกันไปอยู่ที่อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง ทำให้ชีวิตต้องลำบากหนีคุกหนีตะราง
พยานให้การต่ออีกว่า ระหว่างการสนทนานางอารีย์ตอบโต้ว่าเป็นเพราะพฤติกรรมเกเรของนายสุขสวัสดิ์เอง ที่เอาแต่เมาเหล้าเมายา ไม่สนใจที่จะช่วยทำงานหลังบิดาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เอาแต่เที่ยวเตร่อย่างเดียว ที่ไม่ไปประกันเพราะต้องการดัดสันดาน
ทำให้นายสุขสวัสดิ์ โกรธจนเลือดขึ้นหน้า ชักอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม.ที่พกมาทำท่าจะยิง เมื่อนางอารีย์เห็นเช่นนั้น ก็ตกใจรีบวิ่งหนีไปหลบในห้องน้ำ แต่นายสุขสวัสดิ์ตามไปถีบประตูห้องน้ำจนพัง แล้วใช้ปืนจ่อยิงขมับนางอารีย์ตายคาที่ ขณะที่น.ส.ขนิษฐาพยายามจะเข้ามาช่วยแม่ จึงโดนยิงใส่เสียชีวิตไปอีกราย หลังจากก่อเหตุฆ่าแม่บังเกิดเกล้ากับน้องสาวแล้ว นายสุขสวัสดิ์จึงขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปทางอ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช
ทิ้งศพแม่กับน้องสาวนอนตายอยู่ตรงนั้น!!?
คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ พ.ต.อ.สมหมาย พุทธกูล ลงมาควบคุมการทำงานด้วยตนเอง สั่งการให้สารวัตรชัชชัย นำกำลังตามล่าตัวนายสุขสวัสดิ์ทันที ซึ่งตอนบ่ายวันเดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่สืบทราบมาว่านายสุขสวัสดิ์ ได้หนี ไปกบดานอยู่ที่บ้านลานข่อย ต.ลานข่อย อ.ป่าพะยอม ตำรวจโรงพักกะปางจึงเดินทางไป ประ สานงานกับตำรวจสภ.ป่าพะยอม เข้าจับกุมตัวนายสุขสวัสดิ์ไว้ได้ที่บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้าน โดยนายสุขสวัสดิ์อยู่ในอาการเมายาและให้การวกวนไปมา ปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องใดๆ ทั้งสิ้น อ้างว่าหลังจากที่ออกจากบ้านก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย และก็ไม่รู้เห็นการตายของแม่กับน้องสาวแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่าติดยาบ้าจริง และเคยถูกจับกุมคดีชิงสร้อยที่ร้านทองแห่งหนึ่งในตัวตลาดทุ่งสงอยู่ระหว่างหนีประกันตัว
ตำรวจจึงนำตัวกลับมาดำเนินคดี
วันที่ 29 มิ.ย. พ.ต.ต.ผจญ นำตัวนายสุขสวัสดิ์ ไปขออำนาจฝากขังที่ศาลจังหวัดทุ่งสง โดยขอคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเกรงว่าญาติๆ จะไม่พอใจตามมาทำร้ายนายสุขสวัสดิ์ ขนาดตอนควบคุมตัวไว้ที่สภ.กะปาง เจ้าหน้าที่ต้องจัดเวรยามเฝ้าดูตลอดเวลาเพราะกลัวว่านายสุขสวัสดิ์จะคิดสั้น
นายยงยุทธ นรากร อายุ 25 ปี พี่ชายของนายสุขสวัสดิ์ กล่าวทั้งน้ำตาว่า ไม่เคยคิดโกรธแค้นน้องชาย แต่อยากให้น้องมาดูศพแม่กับน้องสาวว่าเป็นอย่างไร และคิดอย่างไรที่ทำกับแม่และน้องได้ถึงขนาดนี้ เหมือนกับว่าไม่ได้ผูกพันอะไรกันมาเลย ยอมรับว่าน้องชายติดยาเสพติด แต่ก็น่าจะคิดได้ว่าแม่เป็นผู้บังเกิดเกล้า เลี้ยงดูเรามากว่าจะโตมันยากลำบากแค่ไหน ทำไมถึงกล้าทำแบบนี้ นอกจากแม่แล้วน้องสาวแท้ๆ ยังฆ่าได้ รู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับครอบครัว และขอให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย
ขออย่าให้เกิดกับใครอีก!!?
ตามรวบลูกทรพี ฆ่าแม่-น้องสาว ทิ้งศพหมกบ้าน
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอาชญากรรม ตามรวบลูกทรพี ฆ่าแม่-น้องสาว ทิ้งศพหมกบ้าน