เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. เอเอฟพีรายงานว่า ประชาชนจำนวนมากในจีน ต่างแสดงความโกรธแค้นรุมประณามนโยบายของทางการเมืองฮั่นจง มณฑลส่านซี
ซึ่งส่งเจ้าหน้าที่ไปใช้ไม้กระบองไล่ทุบฆ่าหมู่สุนัข 37,500 ตัวเพื่อป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ว่าเป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณเกินไป ประเด็นฆ่าหมู่สุนัขจรจัดในเมืองฮั่นจงกลายเป็นหัวข้อสนทนาสุดร้อนแรงตามเว็บไซต์ต่างๆ ของจีน นับตั้งแต่ทางการเริ่มปฏิบัติการฆ่าทิ้งสุนัข ขณะที่ผู้ต่อต้านจำนวนมากใช้อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือรณรงค์ยับยั้งแผนกำจัดสุนัขดังกล่าว เพราะมองว่าทำเกินกว่าเหตุ และมีบางกลุ่มพยายามหาทางช่วยชีวิตสุนัขด้วยการช่วยกันจับสุนัขไปอยู่ที่เมืองอื่นๆ แทน
ด้านเจ้าหน้าที่แซ่สือ ยืนยันว่าจำเป็นต้องใช้มาตรการนี้ เพราะตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน หมาจรจัดกัดคนในเมืองไปถึง 6,600 ราย และติดโรคพิษสุนัขบ้า เสียชีวิตไปแล้ว 13 ราย
"การบอกให้ชาวบ้านรู้ว่าเราจะฆ่าหมาจรจัดที่ไม่มีคนดูแลเป็นวิธีควบคุมโรคระบาดที่ได้ผลดีมาก เพราะทำให้เจ้าของเก็บสุนัขของตนไว้ในบ้าน ไม่กล้าปล่อยออกมาเพ่นพ่าน" เจ้าหน้าที่เมืองฮั่นจง กล่าว
อย่างไรก็ตาม นับจากที่ทางการเริ่มโครงการฆ่าทิ้งสุนัข ทำให้เกิดกระแสต่อต้านอย่างกว้างขวาง
โดยเฉพาะการลงภาพสุนัขที่ถูกฆ่าเป็นเบือทางเว็บไซต์ต่างๆ ประชาชนจำนวนมากยังต่อสายโทรศัพท์ไปต่อว่าทางการฮั่นจงจนสายแทบไหม้ วิธีการฆ่าทิ้งสุนัขเพื่อป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในจีนเกิดขึ้นบ่อย เช่น เมื่อปี 2549 ในมณฑลยูนนาน ฆ่าทิ้งไปถึง 5 หมื่นตัวภายในเวลา 5 วัน หลังมีผู้เสียชีวิตเพราะถูกสุนัขกัดไป 3 ราย แต่จีนเริ่มตื่นตัวปกป้องสิทธิสัตว์มากขึ้น โดยสัปดาห์นี้เพิ่งมีรายงานว่า มีการร่างข้อกฎหมายป้องกันการทารุณกรรมสัตว์เป็นฉบับแรก