คมชัดลึก : รวบ 2 หุ้นส่วนโรงงานสบู่บงการฆ่ายกครัวเสี่ยเฟอร์นิเจอร์ 5 ศพ ยังปฏิเสธ อ้างไม่เคยบาดหมาง ตร.แจ้ง 2 ข้อหาหนัก หนึ่งในทีมฆ่าแฉซิ่งเบนซ์พาไปฆ่า แค้นเบี้ยวเงินเดือน-โบนัสกว่า 7 แสน ซ้ำหวังล้างหนี้ติดจำนองที่ดินกว่า 14 ล้าน
ในที่สุดตำรวจสามารถจับกุมคนจ้างวานฆ่า 5 ศพครอบครัวเสี่ยเจ้าของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 มิถุนายน พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ณัฐกรณ์ ประภายนต์ รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผกก.ช่วยราชการ กก.1 บก.ป. พ.ต.ต.สุทธิเวช บุญยรัตกลิน และ ร.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ สว.กก.1 บก.ป. พร้อมกำลังจับกุม นายธนกร สมบูรณ์ชัย หรือ เฮียเหลา อายุ 55 ปี และนายพงษ์พันธุ์ ศุภรัศมี อายุ 57 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาร่วมกันใช้ จ้างวานให้ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ในคดีฆ่ายกครัว 5 ศพ ท้องที่ สน.ลาดพร้าว โดยจับกุมได้ที่บ้านของผู้ต้องหาใน จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากคดีคนร้ายร่วมกันฆ่า นายธนายศ ปทุมวาสนา เสี่ยเจ้าของโรงงานเฟอร์นิเจอร์ และนางกนกกาญจน์ ปทุมวาสนา ภรรยา และลูก 2 คน รวมทั้งสาวใช้อีก 1 คน เสียชีวิตทั้งหมด 5 คน ภายในบ้านเลขที่ 5833 ซอยโพธิ์แก้ว แขวงและเขตคลองจั่น กทม. เมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา ต่อมา พ.ต.อ.พรศักดิ์ ได้ร่วมกับตำรวจ สน.ลาดพร้าว จับกุมคนขับรถแท็กซี่ 2 คน คือ นายวันชัย อ้นปันส์ หรือจ่าแดง อายุ 58 ปี และนายปริทรรศ นุ่มน้อย หรือ กี หรือ ยี อายุ 52 ปี นายปริทรรศให้การรับสารภาพ แต่นายวันชัยยังให้การปฏิเสธ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 คน คือ นายธรายุทธ แสนสุข อายุ 47 ปี และนายอำนาจ ภราดรพิทักษ์ อายุ 27 ปี โดยทั้งสองรับสารภาพและซัดทอด นายธนกร และนายพงษ์พันธุ์ พบว่าเมื่อปี 2547 นายธนกรได้นำโฉนดที่ดินกว่า 10 ไร่ใน จ.ปทุมธานี มาจำนองกับนางกนกกาญจน์ ในราคา 8.5 ล้านบาท และกู้ยืมเงินเพิ่มอีก 2 ล้านบาท โดยให้นายสวัสดิ์ นิยมแก้ว พ่อตานายธนกร เป็นผู้ค้ำประกัน รวมแล้วนายธนกรเป็นหนี้กว่า 14 ล้านบาท
ต่อมาปี 2551 นายธนกรชักชวนนางกนกกาญจน์ ให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจสบู่ และแชมพูสมุนไพร โดยให้นางกนกกาญจน์ลงทุนสร้างโรงงานผลิตสินค้าที่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ในชื่อบริษัท ที เอส เฮิร์บ จำกัด โดยมีนายพงษ์พันธุ์ เพื่อนของนายธนกร เป็นผู้จัดการ ตกลงจ่ายค่าจ้างเดือนละ 4 หมื่นบาท และโบนัสอีก 2 ล้านบาทต่อปี แต่หลังจากลงทุนสร้างโรงงานและเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมกว่า 10 ล้านบาทแล้วนางกนกกาญจน์รู้ตัวว่าถูกหลอกจึงถอนตัว แล้วนำธุรกิจดังกล่าวมาทำเองโดยเตรียมจะเปิดโรงงานแห่งใหม่ย่านบางกะปิ กทม. ทำให้นายธนกร และนายพงษ์พันธุ์ ไม่พอใจ นายพงษ์พันธุ์จึงยื่นฟ้องนางกนกกาญจน์ ต่อศาลแรงงานเพื่อเรียกร้องค่าชดเชย เงินเดือน และโบนัส นอกจากนี้ ยังมีเอกสารที่นายธนายศ เสี่ยเจ้าของโรงงานเฟอร์นิเจอร์ เขียนด้วยลายมือระบุว่ามีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนายพงษ์พันธุ์ โทรศัพท์มาบอกให้ระวังตัว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำภาพผู้ต้องสงสัย 4-5 คนไปให้นายอำนาจ หนึ่งในทีมสังหารดู ก็ชี้ยืนยันว่านายพงษ์พันธุ์ คือ คนขับรถเบนซ์ไปส่งถึงบ้านที่เกิดเหตุ โดยขณะที่อยู่บนรถนายพงษ์พันธุ์ สั่งไม่ให้ยุ่งกับเด็กเพราะเป็นลูกหลานกัน แต่ให้เอาเฉพาะแผ่นพับและโฉนดที่ดิน
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธ นายธนกรอ้างว่า เคยทำอู่แท็กซี่ และภัตตาคารย่านปทุมวัน กทม. แต่เลิกกิจการไป กระทั่งรู้จักกับนางกนกกาญจน์เมื่อหลายปีก่อน หลังจากนำโฉนดที่ดินไปจำนอง ต่อมาปลายปี 2550 ได้ชักชวนนางกนกกาญจน์ให้มาร่วมลงทุนทำธุรกิจสบู่ และแชมพูปลูกผมที่ทำจากเห็ดฟู่หลิง และสมุนไพรต่างๆ ยี่ห้อไลท์เซ่ โดยมีตนเป็นหุ้นส่วน และนายพงษ์พันธุ์ เป็นผู้จัดการ และที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาอะไร ส่วนครอบครัวตนกับครอบครัวผู้ตายก็สนิทสนมกัน เพราะนางกนกกาญจน์เคยช่วยเหลือลูกสาวตน และเคยไปบ้านพักของผู้ตายมาแล้วประมาณ 3 ครั้ง
ส่วนสาเหตุที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้นั้น นายธนกรกล่าวว่า ไม่ทราบว่ามาจากเรื่องใด เพราะธุรกิจที่ทำร่วมกับตนทั้งโรงงานสบู่ และทำไร่เห็ดที่ จ.เชียงราย ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะได้ตกลงกันแล้วว่าตนจะทำขายเฉพาะในประเทศ ส่วนนางกนกกาญจน์ทำส่งออกนอก โดยจะแบ่งรายได้ให้ 30 เปอร์เซ็นต์ แต่นางกนกกาญจน์เคยเล่าปัญหาเรื่องที่ดินที่เก็บเงินค่าจำนองไม่ได้ และปัญหาเรื่องเงินขาดมือจนต้องนำเช็คไปแลกนั้น ส่วนนายพงษ์พันธุ์นั้น เป็นเพื่อนที่รู้จักกันเมื่อครั้งทำธุรกิจร้านอาหาร และมาเปิดร้านอาหารอยู่ใน จ.เชียงใหม่ เมื่อเดินทางมาเยี่ยมที่โรงงานสบู่จึงชวนให้มาทำงานด้วยกัน
ด้านนายพงษ์พันธุ์อ้างว่า ไม่มีปัญหาขัดแย้งอะไรกับผู้ตาย จะมีปัญหาแค่เรื่องเงินเดือนและโบนัสที่จะต้องได้จากงานโรงงาน ซึ่งนางกนกกาญจน์ไม่ยอมจ่ายให้ จนต้องฟ้องร้องต่อศาลแรงงานภาค 5 ซึ่งศาลตัดสินให้ตนชนะคดีแต่นางกนกกาญจน์ยังไม่ยอมจ่ายเงินตามที่ศาลสั่งให้จ่ายคืน 7 แสนกว่าบาทก็มาเกิดเหตุเสียก่อน ส่วนที่มีการกล่าวหาว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้นั้น ไม่ทราบต้นสายปลายเหตุว่ามาจากเรื่องใด เพราะทั้งตนและนายธนกรไม่เคยรู้จักกับกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 4 คนมาก่อน
พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.ป.กล่าวว่า ขณะนี้มีหลักฐานแน่ชัด ทั้งในด้านพฤติกรรมศาสตร์และวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะหลักฐานการติดต่อเชื่อมโยง และมูลเหตุการสังหาร ซึ่งมาจากความขัดแย้งเรื่องการทำธุรกิจ และเรื่องที่ดินระหว่างผู้ตายกับผู้ต้องหาทั้งสอง จึงไปขออนุมัติหมายจับจากศาลและติดตามจับกุมคนทั้งสองมาได้ ทำให้ตำรวจสามารถปิดคดีฆ่ายกครัว 5 ศพลงได้อย่างสมบูรณ์แบบ และจะส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดให้พนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ดำเนินคดีต่อไป