เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 7 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจ (จุดบางปะอิน) ว่ามีฝูงวัวกว่า 300 ตัวตื่นตกใจจากเสียงแตรรถ
วิ่งลงบ่อน้ำจนเหยียบกันตายและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ที่บริเวณริมถนนสายคลองจิก-บางปะอิน หมู่ 4 ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าที่เกิดเหตุห่างจากถนนสายเอเซียประมาณ 100 เมตร ภายในบ่อน้ำแห้งที่ยาวขนานถนน พบฝูงวัวประมาณ 300 กว่าตัว ตะเกียกตะกายขึ้นจากบ่อ ที่ก้นบ่อมีวัว 5 ตัวจมโคลนอยู่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ กำลังจะหมดแรง เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยและเจ้าของ จึงนำเชือกไนลอนเส้นใหญ่ไปผูกขาหน้าและลำคอของวัวไว้แล้วช่วยกันดึงขึ้นมาทีละตัวจนครบ 4 ตัว เหลืออีก 1 ตัวเป็นวัวเพศเมียอายุประมาณ 3-4 ปี น้ำหนักราว 170 กิโลกรัม อยู่ในสภาพหัวปักลงไปในโคลน ไม้ทิ่มตาซ้ายบอด 1 ข้าง ขาหลังทั้งสองข้างหัก หายใจรวยระรินและสิ้นใจตายอย่างน่าเวทนา
นายอุดร หรือต้อย ยอดปรีดา อายุ 41 ปี เจ้าของวัว เผยว่า มีอาชีพเลี้ยงวัว ก่อนเกิดเหตุนำวัวฝูงประมาณ 300 กว่าตัวมาเลี้ยงตามทุ่งในเขตอ.บางปะอิน
โดยมีลูกจ้างอีก 2 คนคอยช่วยดูแลด้วย ขณะที่วัวฝูงนี้เดินมาตามถนนใกล้ถึงทุ่งหญ้า มีรถกระบะเลี้ยวมาจากถนนสายเอเซีย เจอฝูงวัวจึงบีบแตรเสียงดังยาว จนวัวแตกตื่นวิ่งหลบรถลงข้างทางซึ่งเป็นบ่อแต่น้ำแห้งมีแต่โคลนเลน ทำให้วัว 5 ตัวจมโคลน ตายไป 1 ตัวดังกล่าว ตนเลี้ยงวัวมานานหลายปี ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่วัวตกใจตื่นวิ่งหนีจนตาย เป็นวัวเพศเมียเพิ่งตกลูกได้ 5-6 เดือน น้ำหนักประมาณ 170 กิโลกรัม ถ้ายังเป็นอยู่จะขายได้ในราคาประมาณ 6,000-7,000 บาท แต่เมื่อตายแล้วขายได้ประมาณ 2,000 บาทเท่านั้น