รวบ 3 ไอ้หื่น รุมโทรมเด็ก 14 รายนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 มิ.ย. พ.ต.อ.นุกูล ไกรทอง รองผบก.ภ.จว.ตรัง รักษาการ ผกก.สภ.เมืองตรัง
พ.ต.ท.วดล คงแก้ว รักษาการ รอง ผกก.สส.และ พ.ต.ต.อรรถพล วิภาศินนท์ สวป.ร่วมแถลงข่าวจับกุมนายพีรพัฒน์ หวานสนิท อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16/1 หมู่ 4 ต.นาโยงใต้ อ.เมืองตรัง นายโย (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี และ ด.ช.โด้ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี โดยทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล จ.ตรัง ในคดีร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ในลักษณะโทรมหญิง ทั้งนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา ด.ญ.เป้ย (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี ผู้เสียหายพร้อมด้วยผู้ปกครอง เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองตรัง ว่าถูกกลุ่มผู้ต้องหาพร้อมพวกที่หลบหนีรวม 13 คน ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราในลักษณะรุมโทรม เหตุเกิดที่ริมคลองแห่งหนึ่ง ต.นาโยงใต้ อ.เมือง
โดย ด.ญ.เป้ย เปิดเผยว่าได้คบหาดูใจกับ นายพีรพัฒน์ หนึ่งในผู้ต้องหาได้ประมาณ 1 ปี ก่อนที่จะเลิกรากันไป
และมาพบกับอดีตแฟนหนุ่มพร้อมเพื่อนรวม 8 คนโดยบังเอิญขณะตนออกไปซื้อของ ซึ่งอดีตแฟนหนุ่มกับเพื่อนได้อาสาไปส่งที่บ้าน ด.ญ.เป้ย หลงเชื่อจึงยอมขึ้นรถไปด้วยโดยไม่คาดคิดว่าภัยจะมาถึงตัว เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นที่เปลี่ยว กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ได้บังคับลงจากรถ ก่อนจะผลัดกันรุมโทรมข่มขืน จนสำเร็จความใคร่ และพาผู้เสียหายไปส่งบ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อมาวันที่ 20 พ.ค. นายพีรพัฒน์ พร้อมเพื่อนรวม 4 คนได้มารับที่บ้านโดยอ้างว่า จะพาไปซื้อยาป้องกันโรคชิคุนกุนยา ซึ่งตนหลงเชื่อและขึ้นรถไปด้วย แต่กลับพาไปบังคับข่มขืนที่เดิม โดยมีกลุ่มผู้ต้องหาอีก 9 คนรออยู่ที่เกิดเหตุ บังคับสลับผลัดเปลี่ยนกันลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ ตนจึงตัดสินใจบอกผู้ปกครองพร้อมเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่
สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดรับสารภาพว่า ร่วมกับพวกอีก 10 คน ที่ยังหลบหนี กระทำชำเราผู้เสียหายจริง
โดยอ้างว่า ผู้เสียหายยินยอมให้กระทำชำเราโดยไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร ร่วมกันพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไป เพื่อการอนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาของตน อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง พร้อมควบคุมตัวส่งดำเนินคดีต่อไป
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า หลังแพทย์ตรวจร่างกายด.ญ.เป้ย ก็พบว่าติดเชื้อไวรัส เอชไอวี ในระยะเบื้องต้น
ต้องให้ยาต้านไวรัสเพื่อยับยั้งเชื้อไม่ให้ลุกลาม และอีก 3 เดือนข้างหน้าจะต้องเจาะเลือดเพื่อตรวจสอบภูมิคุ้มกันซ้ำอีกครั้ง ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเร่งติดตามผู้ต้องหาที่เหลือเพื่อหาตัวผู้ติดเชื้อเอชไอวี เนื่องจากหวั่นว่าจะไปก่อคดีในลักษณะดังกล่าวซ้ำและแพร่เชื้อให้เหยื่อรายอื่นอีก.