เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (1 มิ.ย.) พ.ต.ต.พิมุข นาคขำพันธ์ สารวัตรเวร สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งจากนางรัชนีวรรณ เลี้ยงสุขสันต์ อายุ 48 ปี
เจ้าของร้านทองบุญชัย ที่ตั้งอยู่บริเวณ ตลาดเจ้าพรหม เลขที่ ค 5/69 ต.หอรัตนไชย ว่า มีคนร้ายเป็นหญิงวิ่งราวสร้อยข้อมือทองคำหนัก 2 บาท จำนวน 1 เส้น ออกจากร้านแล้วถูก รถจักรยานยนต์ เฉี่ยวล้มกลางถนน ถูกพลเมืองดี ชื่อ นายวีระพงษ์ ธนกิจเจริญพัฒน์ อายุ 29 ปี ซึ่งขายของหน้าร้านทองได้วิ่งกวดตามคนร้ายและคว้าข้อมือจับคนร้านได้ พร้อมของกลางในมือ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.สมบัติ ชูชัยยะ ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยาและ สอบปากคำผู้ต้องหา
โดยผู้ต้องหา ชื่อนางหนึ่ง (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ถึงกลับปล่อยโฮร้องไห้อย่างน่าเวทนา ให้การทั้งน้ำตานองหน้า ว่าปัจจุบันตั้งท้องได้ 7 เดือน
และยังมีลูกอ่อนเป็นลูกชายวัย 8 เดือนอีก 1 คน โดยอยู่กับแม่ของตนเอง ส่วนสามีนั้นทิ้งไปหลายเดือนแล้ว สำหรับชีวิตของตน หลังจากจบ ม.6 ก็มาทำงานที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และมีสามี เมื่อครอบครัว เริ่มจะอยู่ได้ จึงไปรับแม่มาอยู่ด้วย เพื่อเลี้ยงดูลูกชายที่เกิดมาเป็นคนแรก เมื่อลูกชายเกิดได้เพียง 1 เดือนกว่า ตนเองก็ตั้งท้องลูกคนที่ 2 อีก ซึ่งประมาณปลายปี 2551 เศรษฐกิจไม่ดี โรงงานปิดจำนวนมาก รปภ.ก็ถูกเลิกจ้างไปด้วย ท้ายที่สุด ถูกให้ออกจากงาน ไปสมัครงานที่ไหนไม่มีใครรับเข้าทำงาน พอเริ่มไม่มีรายได้ สามีก็ทิ้งไปมีเมียใหม่ ต้องเอาเงินที่เก็บไว้เล็กน้อยมาเลี้ยงลูก เลี้ยงแม่ และตัวเองที่ตั้งท้อง หลายเดือนเข้าเงินหมด เริ่มอดอยาก สามีที่ทิ้งไปก็ไม่กลับมาช่วยเหลือ ชีวิตเริ่มติดขัด ไม่มีเงิน ค่าเช่าห้องก็ไม่มีจ่าย
วันนี้ไม่มีเงินติดบ้านเลย นมลูกก็หมด ข้าวก็หมด ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงมาที่ตลาดใหญ่ ตั้งใจจะมาขอเงินจากร้านค้าทั่ว ๆ ไป
แต่พอเดินผ่านร้านทอง รู้สึกเป็นห่วงลูกที่อายุ 8 เดือน และลูกที่กำลังจะเกิดอีก เพราะท้องแก่ 7 เดือน จึงเข้าไปในร้านทองเพื่อจะขอเงิน แต่วินาทีนั้นกลับพบว่าตนเองคิดผิด จึงขอดูสร้อยข้อมือทองคำ และวิ่งออกจากร้านทันที ก่อนจะถุฏจับกุมในที่สุด
นางหนึ่ง กล่าวอีกว่า ไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิต ตนเองไม่เคยกระทำผิด แต่ทราบดีว่าที่ทำไปวันนี้ผิด
ตอนนี้ห่วงลูกและแม่เป็นอย่างมาก เพราะไม่มีใครเลย ตนเองติดคุกยังมีข้าวในคุกกิน แต่ลูกอ่อน และแม่จะทำกันอย่างไร หลังจากสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แจ้งข้อหา วิ่งราวทรัพย์ และ พล.ต.ต.ชินทัต มีสศุข ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา และ พ.ต.อ.สมบัติ ชูชัยยะ ผู้กำกับการ ได้ให้ตำรวจออกไปติดต่อครอบครัวของผู้ต้องหา เพื่อนำเงินส่วนหนึ่งช่วยเหลือในเบื้องต้น เพื่อเป็นค่าอาหารและค่านมให้เด็กน้อยที่อายุเพียง 8 เดือนเท่านั้น
ส่วน นางรัชนีวรรณ เลี้ยงสุขสันต์ อายุ 48 ปี เจ้าของร้านทองบุญชัย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาได้เดินเข้าร้านทองข้างๆมาก่อน แล้วจึงมาเข้าที่ร้านตน
ขณะเกิดเหตุไม่มีลูกค้าอยู่เลย ผู้ต้องหาเข้ามาและขอดูสร้อยข้อมือหนัก 2 บาท และทดลองสวมที่ข้อมือ ทันใดนั้นเอง มีโทรศัพท์เข้ามาที่ร้าน จึงรับโทรศัพท์ผู้ต้องหาจึงฉวยโอกาสวิ่งหนีไปพร้อมกันสร้อยข้อมือ ตนจึงตะโกนให้พ่อค้าหน้าร้านช่วย คนร้ายวิ่งไปชนกับรถจักรยานยนต์แล้วล้มลงกลางถนนจึงถูกจับตัวได้ ส่วนการดำเนินคดีเป็นเรื่องของตำรวจและกฎหมายบ้านเมือง