โผล่มาอีกราย ตามหาพ่อยุ่น

เคอิโงะสุดตื่นเต้นจะได้คุยโทรศัพท์กับพ่อ เผยอยากให้ถึงวันที่จะคุยเร็วๆ

พร้อมโชว์ตุ๊กตาที่เตรียมไว้ให้หากจะมาหา สถานทูตญี่ปุ่นยืนยันวันเวลาชัดเจนแล้วและเตรียมล่ามไว้ให้ แต่จะไม่ให้สื่อมวลชนทำข่าว โดยจะจัดแถลงทีหลัง โผล่อีกรายลูกสาวตามหาพ่อยุ่น แม่พาลูกสาวลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นวัย 18 ปี เข้าร้องสื่อเชียงใหม่ ตามหาพ่อเด็กที่เป็นชาวญี่ปุ่นหลังพลัดพรากจากกันไปกว่า 15 ปี เผยพบรักระหว่างที่หนุ่มยุ่นมาดูงานที่เมืองไทย ก่อนไปอยู่กินกันที่ญี่ปุ่นและตั้งท้อง แต่ต้องกลับเมืองไทยเพราะกฎหมายญี่ปุ่นไม่อนุญาตให้คนป่วยมีลูก หลังคลอดลูกพ่อเด็กเคยบินมาเยี่ยมและส่งเสียก่อนจะเงียบหายไป ไม่ได้พบกันอีกเลย

จากกรณีด.ช.เคอิโงะ ซาโต อายุ 9 ขวบ ถือรูปออกตามหาตัวบิดาชาวญี่ปุ่น ที่วัดท่าหลวง จ.พิจิตร จนกลายเป็นข่าวโด่งดังสะเทือนอารมณ์คนทั่วไปนั้น

เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายคัตซูมิ ซาโต บิดาชาวญี่ปุ่นของด.ช.เคอิโงะ ติดต่อมายังสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เพื่อจะขอนัดหมายโทรศัพท์คุยกับด.ช.เคอิโงะที่สถานทูต ในกทม. ในวันที่ 22 พ.ค. นายสมชัย หทยะตันติ ผวจ.พิจิตร ได้จัดหารถไปส่งด.ช.เคอิโงะ กับนางปัทมา จตุพิศ ผู้เป็นป้า ซึ่งจะเดินทางกันวันที่ 21 พ.ค.ในช่วงบ่าย โดยช่วงที่พักในตัวเมืองพิจิตรจะเข้าพักที่โรงแรมริเวอร์ไซค์ ที่สมาคมชาวพิจิตรเป็นผู้จัดที่พักให้

สำหรับในวันนี้ด.ช.เคอิโงะหลังจากรู้ว่าบิดาจะโทรศัพท์มาคุยด้วย ทำให้มีอารมณ์ดี

ตื่นแต่เช้าแต่งตัวไปโรงเรียนท่าหลวงสงเคราะห์ ด้วยสีหน้าและท่าทางแจ่มใส มีความสุข และคุยกับเพื่อนว่าจะได้พูดโทรศัพท์กับพ่อแล้ว พร้อมกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อคืนรีบนอนแต่หัวค่ำ รู้สึกตื่นเต้น อยากให้ถึงวันพูดคุยกับนายคัตซูมิเร็วๆ พร้อมทั้งโชว์ตุ๊กตาที่เตรียมไว้ให้นายคัตซูมิ หากมาเมืองไทยมาอวดด้วย

ด้านนายสมชัยกล่าวว่า ได้รับการติดต่อจากนายไพฑูรย์ แก้วทอง รมว.แรงงาน แจ้งผ่านมายังผู้อำนวยการสำนักงานศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน จ.พิจิตร

ว่าได้รับการแสดงความจำนงจากนักเรียนทุนที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นกว่า 10 คน จะมาสอนภาษาญี่ปุ่นให้กับด.ช.เคอิโงะ ทางจังหวัดมีความยินดีและจะให้สอนในช่วงหลังเลิกเรียนให้กับด.ช.เคอิโงะและเด็กคนอื่นๆ ที่ สนใจภาษาญี่ปุ่น ส่วนหลักสูตรนั้นแล้วแต่ผู้สอน ทางจังหวัดจะจัดเตรียมสถานที่ อุปกรณ์ และอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ให้

นายสมชัยกล่าวอีกว่า สำหรับวันเวลาและสถานที่จะให้นักเรียนทุนญี่ปุ่นมาสอนนั้นยังไม่ได้กำหนด ต้องรอความพร้อมของผู้สอนอีกครั้งหนึ่ง

ด้านการดำเนินการของ จ.พิจิตร ในการดูแลเด็ก เดิมทีมีกองทุนสำหรับเด็ก กองทุนสงเคราะห์ประจำหมู่บ้าน ซึ่งมีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง 2 หน่วยงาน คือสำนักงานพัฒนาสังคมฯ และหน่วยงานที่สองคือ หน่วยพัฒนาสังคมที่ 35 แต่กรณีที่ด.ช.เคอิโงะจังหวัดจึงนำมาเป็นกรณีศึกษาในการดำเนินการให้เข้มข้นมากขึ้น โดยขอให้ประชาชนเป็นผู้นำข้อมูลผ่านสื่อมวลชน และประสานงานกับส่วนราชการเพื่อให้การช่วยเหลือ เหตุผลที่นำข้อมูลจากประชาชนเป็นที่ตั้งเพราะต้องการได้ข้อมูลที่แท้จริง

วันเดียวกันเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยยืนยันความชัดเจนว่า ในเวลาประมาณ 16.00-17.00 น. วันที่ 22 พ.ค.ตามเวลาประเทศไทย
นายคัตซูมิจะติดต่อมาพูดคุยกับด.ช.เคอิโงะด้วยโทรศัพท์ แต่ไม่ทราบว่านาย คัตซูมิจะใช้สถานที่ใดในการติดต่อเข้ามา เนื่องจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นเป็นเพียงผู้รับสายปลายทางเท่านั้น ในการนี้สถานเอกอัครราช ทูตจะเตรียมล่ามไว้คอยแปลภาษาให้ด.ช.เคอิโงะตลอดเวลาที่พูดคุย แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปติดตามฟังการสนทนาของสองพ่อลูก เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนตัวภายในครอบครัว หลังการสนทนาเสร็จสิ้นสถานเอกอัครราชทูตอาจมีการให้ข้อมูล หรือจัดแถลงข่าวถึงรายละเอียดการสนทนาให้สื่อมวลชนรับทราบ

ขณะเดียวกันมีกรณีบุตรตามหาบิดาชาวญี่ปุ่นอีกราย โดยเมื่อเวลา 11.00 น.วันเดียวกัน นางสังวาลย์ บำรุง อายุ 44 ปี

อยู่ ต.สันนาเม็ง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ พร้อมน.ส.นารูมิ ฮามาดะ หรือน้องยุ้ย บุตรสาว อายุ 18 ปี นักศึกษาปีที่ 2 สาขาวิชาเครื่องปั้น วิทยาลัยอาชีวศึกษา จ.เชียงใหม่ พร้อมหลักฐานเป็นภาพถ่าย ใบสูติบัตรเข้ามาพบผู้สื่อข่าว เพื่อร้องขอให้ช่วยตาม หาบิดาชาวญี่ปุ่น ซึ่งพลัดพรากจากกันนานกว่า 15 ปี

นางสังวาลย์กล่าวว่า สำหรับชายชาวญี่ปุ่นที่ตนและลูกออกตามหาคือ นายเรียวอิจิ ฮามาดะ ปัจจุบันอายุ 45 ปี

ที่อยู่เดิมอยู่บ้านเลขที่ 1677-2 ต.อเนงาซากิ อ.อิจิฮาราชิ จ.ชิบาเคน บ้านเดิมอยู่ที่เมืองฮิโรชิม่า ซึ่งย้อนไปเมื่อ 20 กว่าปีก่อนนายเรียวอิจิทำงานเป็นคนขับรถของบริษัทโตโยต้า ประเทศญี่ปุ่น และถูกส่งตัวมาดูงานที่นิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จ.ลำพูน เป็นเวลา 3 ปี ทำให้ได้พบกับตน ซึ่งขณะนั้นเป็นคนงานของบริษัทผลิตอะไหล่ชิ้นส่วนคอมพิว เตอร์ อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเดียวกัน ต่อมาตนได้เลิกรากับสามีเก่า แล้วได้ใช้เวลาดูใจกับนายเรียวอิจินาน 6 เดือนจึงตกลงคบหาอยู่กินกันที่ จ.ลำพูน ประมาณ 1 ปี จากนั้นนายเรียวอิจิได้พาไปอยู่ญี่ปุ่น ที่บ้านพักคนงานที่ จ.ชิบาเคน ใกล้กับกรุงโตเกียวเป็นเวลา 4 ปี

นางสังวาลย์กล่าวว่า ขณะนั้นนายเรียวอิจิอาศัยอยู่เพียงลำพัง หลังจากอยู่กินกันที่ญี่ปุ่นตนได้ตั้งท้อง

โดยทางประเทศญี่ปุ่นเขามีกฎหมายห้ามคนเป็นโรคไทรอยด์มีบุตร ประกอบกับด้วยความคิดถึงบ้านจึงเดินทางกลับมาคลอดที่ร.พ.แมคคอมิกส์ จ.เชียงใหม่ แต่เพราะป่วยเป็นไทรอยด์จึงส่งผลให้บุตรสาวเกิดมาหูซ้ายพิการไม่ได้ยิน ปัจจุบันต้องใช้เครื่องช่วยฟัง และพูดเสียงเบามาก หลังคลอดนายเรียวอิจิก็ยังเดินทางมาหาอีก 2-3 ครั้ง จนกระทั่งบุตรสาวอายุได้ 2 ขวบเศษก็ขาดการติดต่อ จากที่เคยโทรศัพท์มาสัปดาห์ละ 1 ครั้งก็หายไป โดยอ้างว่าต้องทำงาน แต่ยังส่งเสียเงินมาให้เดือนละ 20,000 บาท จนกระทั่งบุตรสาวอายุได้ 5 ขวบก็หยุดส่งและหายไปเลย

นางสังวาลย์กล่าวว่า ที่เพิ่งจะออกมาร้องผ่านสื่อยอมรับว่าเป็นเพราะเห็นข่าวของด.ช.เคอิโงะ เป็นแรงหนุน

แต่ก่อนหน้านี้ตนและลูกได้เคยใช้ความพยายามออกตามหานายเรียวอิจิมาแล้วแต่ต้องผิดหวัง ทั้งการโทรศัพท์ไปที่ทำงาน หรือเบอร์เดิมที่เคยติดต่อกัน รวมถึงโทร.ไปบ้านเกิดซึ่งเป็นสถานที่ที่แม่ของนายเรียวอิจิอยู่ แต่ปรากฏว่าย้ายไปที่อื่นหมดแล้ว ทำให้ท้อใจเลิกตามหา

"เมื่อ 13 ปีที่ผ่านมาขณะที่บุตรสาวอายุได้ 5 ขวบเคยหอบหิ้วกันไปขอให้สถานกงสุลญี่ปุ่น จ.เชียงใหม่ ช่วยออกติดตามข่าวให้ แต่ครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ของสถานกงสุลชาวญี่ปุ่นบางคนต่อว่าในทำนองที่ว่าเมื่อเขาไม่ต้องการคุณแล้วจะเอาอะไรอีก แต่เมื่อได้มาเห็นข่าวของด.ช.เคอิโงะ จึงตัดสินใจตามหาอีกครั้ง อีกอย่างประเทศญี่ปุ่นมักเกิดแผ่นดินไหวบ่อย สามีที่ขาดการติดต่ออาจจะเสียชีวิตไปแล้ว จึงอยากรู้ความจริงให้กระจ่าง" นางสังวาลย์กล่าว

ด้านน.ส.นารูมิกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาว่า อยากรู้ว่าพ่อยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

และหากยังอยู่อยากเดินทางไปอยู่กับพ่อ เพราะฝันไว้ว่าอยากไปเรียนที่ญี่ปุ่น แต่ถ้าหากพ่อแต่งงานมีครอบครัวใหม่แล้วก็ขอให้ได้พบหน้าสักครั้ง และคงเลิกคิดที่จะไปอยู่ เพียงได้รู้ว่ามีชีวิตอยู่ก็พอ สำหรับตนทุกวันนี้การเรียนปานกลาง เรื่องภาษาอังกฤษกับภาษาญี่ปุ่นก็ไม่ถนัด และทุกวันนี้อยู่กับแม่ก็มีความสุขดี