สลดด.ช.9ขวบเล่นซน เอาคอเข้า ไปในเชือกเปล โดนรัดคอเสียชีวิต
หนูน้อยเรียนที่ร้อยเอ็ด ช่วงปิดเทอมพ่อแม่นำมาเลี้ยงในระหว่างรับจ้างตัดอ้อยที่ลพบุรี ก่อนเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ตร.ระบุเปลอยู่สูงกว่าพื้นดิน ขณะที่เด็กตัวเล็ก จนเกิดพลาด รัดคอจนขาดอากาศหายใจ หมอชี้เป็นอุทาหรณ์ เตือนพ่อแม่ระวังลูก ต้องดูแลใกล้ชิด
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 5 พ.ค. พ.ต.ท.ศิลป์ชัย อ่ำศรี สารวัตรเวร สภ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี รับแจ้งจากน.พ.นพพร ปลื้มปิติพงษ์ชัย ผอ.โรงพยาบาลพัฒนานิคมว่า มีเด็กผูกคอตายถูกส่งตัวมารักษา
แต่เสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาล หลังรับแจ้ง จึงรุดไปที่ร.พ.พัฒนานิคมเพื่อตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบศพด.ช.วิระพงษ์ กรรมจันทร์ อายุ 9 ขวบ อยู่บ้านเลขที่ 128 หมู่ 3 ต.ทุ่งหลวง อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด นักเรียนชั้นป.3 สภาพศพสวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีเขียว สวมกางเกงขาสั้นถึงเข่าสีชมพู ที่ลำคอมีรอยเชือกรัดเป็นรอยยาว จากการตรวจสภาพศพอย่างละเอียดไม่พบบาดแผลตามร่างกาย และที่คอไม่พบว่ากระดูกหัก โดยแพทย์ลงความเห็นว่าเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ และที่หน้าห้องเก็บศพ พบนายนิธาน กรรมจันทร์ อายุ 44 ปี และนางลำไย กรรมจันทร์ อายุ 43 ปี พ่อและแม่ของ ด.ช.วิระพงษ์นั่งร้องไห้ที่เสียลูกชายสุดที่รัก
นายนิธาน กล่าวว่า ตนมีอาชีพรับจ้างตัดอ้อย เดินทางมารับจ้างตัดอ้อยที่ต.พัฒนานิคม อ.พัฒนานิคม ตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา
ประกอบกับช่วงนี้ปิดเทอม จึงนำด.ช.วิระพงษ์ลูกชายมาอยู่ด้วย เพราะที่บ้านไม่มีคนดูแล ขณะที่ตนตัดอ้อยกันอยู่ในไร่ นายจ้างไปบอกว่าลูกชายผูกคอตาย จึงรีบมาดู ตนทำอะไรไม่ถูก เนื่องจากไม่คาดคิดมาก่อนว่าลูกชายจะเสียชีวิต จากนั้น พ.ต.ท.ศิลป์ชัย น.พ.นพพร พร้อมอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูอำเภอพัฒนานิคมเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ พบว่าที่บริเวณหน้าบ้าน ใต้ต้นมะขามต้นใหญ่ พบเปลไกวซึ่งถักด้วยเชือกไนลอน 2 อัน สีม่วงและสีน้ำเงินผูกอยู่กับกิ่งมะขามกิ่งใหญ่ โดยเปลสีม่วงผูกอยู่ในสภาพพร้อมนอนได้ ส่วนเปลสีน้ำเงินถูกรวบมัด ทำเป็นบ่วงสามารถคล้องคอได้ และเป็นเปลที่ด.ช. วิระพงษ์ผูกคอตาย
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเสียชีวิต ด.ช. วิระพงษ์เล่นอยู่ที่เปลดังกล่าวกับด.ญ.เอ(นามสมมติ) อายุ 7 ขวบ ซึ่งเป็นลูกสาวเจ้าของไร่อ้อยดังกล่าวเพียง 2 คน ส่วนผู้ใหญ่ไปตัดอ้อยในไร่กันหมด
ด.ญ.เอ กล่าวว่า ขณะที่กำลังเล่นอยู่นั้น ด.ช.วิระพงษ์เอาคอเข้าไปในบ่วงในลักษณะแขวนคอตาย และพูดขึ้นว่า "ลาก่อน" ตนเห็นร่างของด.ช.วิระพงษ์แขวนห้อยอยู่อย่างนั้น จึงรีบวิ่งไปที่บ้านคนงานซึ่งอยู่ห่างประมาณ 500 เมตร พร้อมบอกให้คนมาช่วย
ด้านนางบังอร รัตนวรรณ อายุ 24 ปี ภรรยาคนงานขับรถแบ๊กโฮ กล่าวว่า ขณะที่ตนเลี้ยงลูกอ่อนอยู่ที่บ้านพักคนงาน ด.ญ.เอวิ่งไปบอกว่า ด.ช.วิระพงษ์ผูกคอตายใต้ต้นมะขามหน้าบ้าน จึงรีบวิ่งมาดู
และพบร่างของด.ช.วิระพงษ์แขวนคออยู่ในบ่วงของเปล สภาพเท้าไม่ถึงพื้น ตนจึงรีบยกร่างขึ้น เอาคอออกจากบ่วง แต่พบว่าด.ช.วิระ พงษ์แน่นิ่ง จึงตะโกนบอกกับคนงานใกล้เคียงให้นำตัวส่งโรงพยาบาลให้แพทย์ช่วยชีวิต แต่ไม่สามารถช่วยได้เพราะด.ช.วิระพงษ์เสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาลแล้ว
ด้านเจ้าของไร่อ้อย กล่าวว่า เปลทั้ง 2 อันผูกอยู่ใต้ต้นมะขามนานแล้ว คนงานมักจะมานอนเล่นกัน ต่อมาเปลสีน้ำเงินถูกหมากัดขาด คนงานจึงจับมัดเป็นม้วนรวมกันไว้
โดยยังไม่ได้ปลดลงมาจากกิ่งมะขาม ไม่คิดเหมือนกันว่าด.ช.วิระพงษ์จะมาเล่นและสอดคอเข้าไปในบ่วง จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว จากนั้น พ.ต.ท.ศิลป์ชัยตรวจที่เกิดเหตุโดยละเอียด พบว่าบริเวณดังกล่าวมีการนำแผ่นปูนแผ่นใหญ่มาวางไว้ เมื่อวัดจากฐานปูนถึงเปลที่ทำเป็นบ่วงสูง 94 ซ.ม. และวัดจากพื้นดินถึงเปลที่ทำเป็นบ่วงสูง 115 ซ.ม. จุดนี้ตำรวจสันนิษฐานว่า ขณะที่ด.ช.วิระพงษ์นำคอใส่ไปในบ่วงคงจะยืนอยู่บนพื้นปูน และเท้าคงจะก้าวพลาดตกลงจากพื้นปูนลงไปยังพื้นดิน ด้วยความที่เป็นเด็กตัวเล็ก จึงไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ถูกบ่วงรัดคอทำให้ขาดอากาศหายใจ จนเสียชีวิตดังกล่าว
ด้านน.พ.นพพร กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้นับว่าเป็นอุทาหรณ์อย่างดีสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง ไม่ควรให้ลูกหลานตัวเล็กๆ เล่นกันในที่ลับตาด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาได้
เหมือนกับกรณีของด.ช.วิระ พงษ์เป็นตัวอย่าง หากมีผู้ใหญ่อยู่ด้วยใกล้ๆ คงช่วยเหลือได้ทัน จากการตรวจสถานที่เกิดเหตุแล้ว มี 2 สาเหตุด้วยกันที่จะทำให้เสียชีวิตคือผูกคอตายเอง หรือมีคนอื่นจับตัวยกขึ้นสูงแล้วนำคอไปใส่ในบ่วง จากนั้นปล่อยลง จึงทำให้เสียชีวิต สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ จากคำบอกเล่าของด.ญ. เอซึ่งเล่นอยู่ด้วยกันและตัวเล็กกว่า มั่นใจว่าน่าจะเกิดจากสาเหตุแรกมากกว่า คือเล่นด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงเป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว