3 โจรไอ้โม่ง ควงอาก้า-เอ็ม 16 บุกปล้นร้านทองกลางเมืองพัทยา เปิดฉากยิงใส่ประตูร้าน ก่อนรัวใส่กระจกตู้ทองจนแตกกระจายแล้วกวาดสร้อยทองไปรวมน้ำหนัก 300 บาทมูลค่ากว่า 5 ล้านหลบหนีขึ้นรถเก๋งวีออสเผ่น ก่อนหนียังยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าอีกชุด มีปิกอัพสีดำขับคุ้มกันด้วย ตำรวจระดมกำลังไล่ล่ากระชั้นกลับโดนคนร้ายยิงระเบิดใส่รถจนพังยับ ส.ต.อ.โดนยิงที่ขาบาดเจ็บ ก่อนเปิดฉากยิงเอ็ม 79 ใส่ สะเก็ดระเบิดโดนเด็กวัย 8-14 ขวบบาดเจ็บอีก 4 ราย ตร.ขึ้นฮ.ไล่ล่ากระทั่งเจอรถเก๋งกับปิกอัพจอดอยู่ มีชายต้องสงสัยเดินออกมาจากป่าละเมาะเลยคุมตัวไปสอบ เบื้องต้นอ้างไม่รู้เรื่อง สอบชาวบ้านเห็นคนร้ายขับรถทั้ง 2 คันมาจอดแล้วขึ้นปิกอัพวีโก้หนีไป ตร.ระดมกำลังนับร้อยไล่ล่าต่อแต่ไร้วี่แวว คาดคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 5 ราย
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 พ.ค. พ.ต.ท.เฉลิมเกียรติ ศิริมาก พนักงานสอบสวน(สบ2)สภ.ย่อยโค้งดงตาล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายบุกปล้นห้างทองเยาวราช ตั้งอยู่เลขที่ 406/339 ถ.พัทยา-หาดจอมเทียน ม.12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยพล.ต.ต.นิวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล รอง ผบช.ภาค 2 พ.ต.อ.ธีรพล จินดาหลวง รองผบก. ภ.จว.ชลบุรี รักษาการผกก.สภ.เมืองพัทยา และ กำลังชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง
ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถวสูง 3 ชั้น ห่างจากสภ. ย่อยโค้งดงตาลประมาณ 300 เมตร พบนางมลุนี มัณฑูรประยุกต์ อายุ 50 ปี เจ้าของร้าน และนางรุ่งทิวา อักษร อายุ 47 ปี ลูกค้าในสภาพตื่นตระหนก ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกกระจายอยู่ที่พื้นรวม 10 ปลอก บริเวณกระจกตู้โชว์ทองแตกกระจาย และสร้อยคอทองคำในถาดถูกกวาดไปประมาณ 4 ถาด
นางมลุนีให้การว่า ขณะกำลังชั่งสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทที่นางรุ่งทิวานำมาจำนำ ระหว่างนั้น ได้มีรถเก๋งโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนซ์ทอง ไม่ทราบทะเบียน ขับมาจอดที่หน้าร้าน และคนร้าย 3 คน รูปร่างสูง ผิวขาว สวมหมวกไหมพรม แต่งกายในชุดสีดำทั้งหมด พร้อมอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก อาก้า 2 กระบอก บุกจู่โจมเข้ามาในร้านทองแล้วกราดยิงใส่ประตูหลังเพื่อไม่ให้คนที่อยู่ด้านในออกมา คนร้ายตะโกนบอกให้หมอบลงที่พื้น ก่อนที่จะใช้ปืนยิงกระจกตู้โชว์ทองจนแตกกระจาย และกวาดทองคำใส่กระเป๋าเป้ที่เตรียมมา
นางมลุนีให้การว่า หลังจากนั้นคนร้ายวิ่งออกไปหน้าร้านแล้วกราดยิงขึ้นฟ้าอีกหลายนัดและประกาศไม่ให้ใครติดตามไป และวิ่งไปขึ้นรถยนต์เก๋ง ที่เพื่อนอีกคนติดเครื่องยนต์รออยู่ขับหลบหนีมุ่งหน้าออกถนนสุขุมวิทไปอย่างรวดเร็ว โดยมีรถยนต์กระบะยี่ห้อฟอร์ด สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนขับติดตามไปอีกคัน ส่วนทองที่ได้ไปประกอบด้วยสร้อยข้อมือหนัก 2 บาท 50 เส้น สร้อยคอหนัก 2 บาท 50 เส้น หนัก 1 บาท 50 เส้น หนัก 2 สลึง 60 เส้น รวมน้ำหนักทองรูปพรรณประมาณ 300 บาท มูลค่าเกือบ 5 ล้านบาทเศษ ซึ่งคนร้ายลงมือปฏิบัติการเพียง 1 นาทีครึ่งเท่านั้น
ต่อมาตำรวจวิทยุสกัดจับพบรถยนต์ของคนร้ายขับหลบหนีอยู่ในซอยชัยพฤกษ์ 2 มุ่งหน้าสนามกีฬาภาคตะวันออก จึงส่งรถยนต์สายตรวจออกไล่ล่า แต่คนร้ายที่นั่งอยู่ในรถเก๋ง ได้เปิดกระจกลงมาแล้วใช้อาวุธปืนเอ็ม 203 ยิงใส่รถตำรวจถูกล้อหน้าด้านขวาจนรถได้รับความเสียหายที่ประตูด้านขวากับห้องเครื่องยนต์พังเสียหาย และยางหน้าทั้ง 2 ล้อแตก
นอกจากนี้คนร้ายยังใช้ปืนอาก้ายิงใส่ ส.ต.อ. สยาม โพธิ์งาม อายุ 38 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.เมืองพัทยา ที่ขี่รถจักรยานยนต์ตามไปติดๆ กระสุนถูกต้นขาขวา 1 นัด ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้คนร้ายยังยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ สะเก็ดระเบิดเอ็ม 79 ยังไปถูกด.ญ.เกษราพร บัวศรี อายุ 8 ปี ที่ขาซ้าย ด.ญ.พิชาชาภา พันธุ์ชาติ อายุ 8 ปี ถูกต้นขาขวา ด.ช.จามร เชื้อบางกู้ อายุ 14 ปี ถูกสะเก็ดที่ไหล่ขวา, ต้นขวาขวา และ ด.ช.อกนิษฐ์ ไชยพันธ์ อายุ 14 ปี ถูกที่ต้นขาขวา ได้รับบาดเจ็บ จึงรีบนำตัวทั้งหมดส่งร.พ.กรุงเทพพัทยาและร.พ.บางละมุง
พล.ต.ต.นิวัฒน์ ได้เรียกนายตำรวจทั้งสภ.เมืองพัทยา, สภ.บางละมุง และสภ.ศรีราชา เพื่อจัดทีมไล่ล่าโดยกำลังตำรวจกว่า 100 นาย นำเฮลิคอปเตอร์ รวมทั้งพารามอเตอร์ขึ้นบินไล่ล่ากดดันคนร้าย จนไปพบรถยนต์ที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กน 4889 ชลบุรี จอดอยู่ที่หน้าบ้านของนายประเสริฐ เปรมปรีดิ์ อายุ 50 ปี ในซอยสำนักสงฆ์สายสุคนธ์ ม.5 ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง และพบรถยนต์กระบะยี่ห้อฟอร์ด สีดำ ทะเบียน พย 8981 ระยอง จอดอยู่ที่หน้าบ้านของนายมังกร กลิ่นดี อายุ 54 ปี เลขที่ 154 ม.5 ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง และพบนายเกษม กลิ่นดี อายุ 32 ปี ลูกชายของนายมังกร เดินออกมาจากป่าละเมาะท่าทางมีพิรุธ จึงควบคุมตัวไว้สอบปากคำเนื่องจากคาดว่าน่าจะเป็น 1 ในคนร้าย แต่เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธ
ส่วนนายประเสริฐ เปรมปรีดิ์ อายุ 50 ปี เจ้าของบ้านที่คนร้ายนำรถเก๋งโตโยต้า วีออส ไปจอด ให้การว่า ขณะนั่งอยู่ในบ้านได้มีคนร้ายเป็นชายรูปร่างผอมสูง 3 คน ขับรถคันดังกล่าว มาจอดแล้ววิ่งไปขึ้นรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง ที่มีคนร้ายอีกคนขับมาจอดรอรับแล้วพากันขับหนีไปอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าออกถนนสายยุทธศาสตร์ 331 ซึ่งต่อมาตำรวจได้กระจายกำลังกันตั้งด่านปิดล้อมเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายน่าจะใช้หลบหนีแต่ก็ไร้วี่แวว
พล.ต.ต.นิวัฒน์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วพบว่าคนร้ายมีความชำนาญในการใช้อาวุธสงคราม และมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าหลายวันโดยทำทีมาดูลาดเลา เพราะเมื่อ 2 วันก่อนมีคนโทรศัพท์เข้ามาถามเจ้าของร้านทองดังกล่าวว่ามีการปล้นร้านทองหรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นการปล่อยข่าวเพื่อดูท่าทีของตำรวจ และลงมือก่อเหตุในวันนี้โดยใช้รถเก๋งขับมาจอดที่หน้าร้านเพื่อให้คนร้ายลงไปก่อเหตุ และมีรถยนต์กระบะอีกจำนวน 2 คันเป็นรถคอยคุ้มกัน ก่อนที่จะไปสับเปลี่ยนรถเพื่อหลบหนี ซึ่งคาดว่าคนร้ายในคดีนี้น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 5 คน ส่วนนายเกษม กลิ่นดี อายุ 32 ปี ผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับ จะได้สอบปากคำหารายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายที่เหลือ