เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 30 เม.ย. นางกัลยา อิดอ่อน อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101 หมู่ 4 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่า ตนทุกข์ทรมานมากมาร่วม 1 ปี
เนื่องจากโรงพยาบาลสมุทรสาครวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ต้องผ่าตัดลำไส้ใหญ่ ภายหลังผ่าตัดพบว่าก้อนเนื้อที่ตัดออกมาไม่ได้เป็นมะเร็ง ต่อมาหมอผ่าตัดลำไส้ใหญ่เข้าไปแล้วยังตัดมดลูกทิ้งและลืมผ้าพันแผลไว้ในช่องคลอด มิหนำซ้ำท่อปัสสาวะที่ส่งไปยังไตก็ถูกตัดขาดด้วย หมอบอกเพียงว่าตัดพลาด ทำให้ปัจจุบันปัสสาวะจะไหลออกมาตลอดเวลา หลังจากตรวจครั้งล่าสุดหมอบอกว่าให้ไปรักษาตัวต่อที่ร.พ.ราชวิถี โดยไม่รับผิดชอบใดๆ
สาวร้องทุกข์หมอผ่าตัดลำไส้พลาด
ร้องเรียนมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี
ระบุหมอร.พ. ใน จ.สมุทรสาคร วินิจ ฉัยโรค
และผ่าตัดผิดพลาดจนร่างกายหลายแห่งผิดปกติ
นางกัลยากล่าวว่า เมื่อต้นเดือนส.ค. 2551 ตนปวดท้องอย่างรุนแรง จึงเดินทางไปหาหมอที่ร.พ.มหาชัย หมอแจ้งว่าพบก้อนเนื้อบริเวณลำไส้ใหญ่ จึงขอทำการส่องกล้องเพื่อตัดชิ้นเนื้อไปวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งหรือไม่
ตนจึงอนุญาต แต่เห็นว่าต้องมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก จึงขอให้ส่งตัวไปรักษาต่อที่ร.พ.สมุทรสาคร ซึ่งตนมีสิทธิบัตรทองอยู่ เมื่อเข้ารักษาที่ร.พ.สมุทรสาคร คืนแรกเวลาประมาณ 23.00 น. น.พ.รณชัย กัณหสุวรรณ หมอประจำร.พ.สมุทรสาครแจ้งว่า กรณีของตนน่าเชื่อว่า 99% เป็นมะเร็งแน่นอน มีเพียง 1% เท่านั้นที่จะเกิดจากวัณโรคและอื่นๆ จึงขอผ่าตัดนำเอาลำไส้ออกมาไว้ที่นอกช่องท้องก่อน ตนจึงแย้งไปว่าทางร.พ.มหาชัยกำลังพิสูจน์ชิ้นเนื้อ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 4 วัน ทำไมหมอไม่รอผลพิสูจน์จากร.พ.มหาชัยก่อนแล้วค่อยผ่าตัด หมอแจ้งว่าไม่เป็นไร แค่ผ่าตัดยกลำไส้ออกมาก่อน ถ้าไม่ได้เป็นก็เอากลับไปไว้ที่เดิมได้
นางกัลยากล่าวอีกว่า จากนั้นหมอนำตัวเข้าห้องผ่าตัดเพื่อทำการผ่าตัด โดยไม่มีญาติคนใดของตนรับรู้ ภายหลังผ่าตัดเสร็จรุ่งเช้าพยาบาลมาขอดูแผล ตนสังเกตเห็นสีหน้าของพยาบาลมีอาการตกใจมาก
เนื่องจากพบว่าลำไส้ของตนออกมาอยู่ที่หน้าท้องเยอะ พยาบาลจึงโทรศัพท์ไปสอบถามจากหมอ แต่หมอแจ้งว่าเป็นเรื่องปกติ ภายหลังผ่าตัดประมาณ 3 วัน ร.พ.มหาชัยแจ้งผลการพิสูจน์ชิ้นเนื้อ พบว่าไม่ได้เป็นมะเร็ง ตนดีใจมาก จากนั้นหมอรณชัยผ่าตัดเอาลำไส้เข้าไปไว้ในช่องท้องเหมือนเดิม แต่ภายหลังผ่าตัด หมอแจ้งว่าไม่สามารถเย็บให้ลำไส้กลับไปติดกันดังเดิมได้ จึงจำเป็นต้องเจาะถุงอุจจาระออกมาไว้ที่หน้าช่องท้องก่อนเป็นเวลาประมาณ 3 เดือน จากนั้นหมอจะเอาเข้าไปไว้ดังเดิมให้ ระหว่าง 3 เดือนนั้นตนทรมานมาก เมื่อครบกำหนด 3 เดือน จึงเดินทางไปหาหมอรณชัยเพื่อขอให้ผ่าตัดเอาลำไส้กลับไปไว้ในช่องท้องดังเดิม แต่หมอกลับแจ้งว่ายังไม่สามารถผ่าเข้าได้ เนื่องจากร่างกายของตนยังไม่คืนสภาพปกติ ต้องไปทานอาหารให้ร่างกายกลับคืนสู่สภาพปกติก่อน พร้อมเมื่อไหร่ให้กลับมาหาหมออีกที
นางกัลยากล่าวด้วยว่า จากนั้นวันที่ 20 มี.ค.2552 จึงเดินทางไปหาหมออีกครั้งเพื่อขอทำการผ่าตัด หมอจึงรับตัวเพื่อเตรียมทำการผ่าตัด
ตนต้องนอนเตรียมร่างกายอยู่ที่ร.พ.สมุทรสาคร 3 วัน จึงผ่าตัด ภายหลังผ่าตัด หมอรณชัยแจ้งว่าเอาลำไส้กลับเข้าไปให้แล้วและตัดมดลูกด้วย เนื่องจากมดลูกมีความผิดปกติ หากไม่ตัด เวลาเป็นประจำเดือนจะปวดมาก ภายหลังผ่าตัดประมาณ 7 วัน ตนมีไข้สูงมาก อีกทั้งรู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ในช่องคลอด จึงเดินทางไปหาหมอ เมื่อตรวจดูพบว่าเป็นผ้าพันแผล ซึ่งมีลักษณะเน่าเหม็นมากค้างอยู่ในช่องคลอด คุณหมอจึงนำออกโดยไม่ให้ความเห็นใดๆ จากนั้นก็ให้ตนกลับบ้าน
"เมื่อกลับมาอยู่บ้านได้ 6 วัน สังเกตว่ามีอาการผิดปกติเนื่องจากปัสสาวะจะไหลออกมาทางช่องคลอดตลอดเวลา ไม่สามารถอั้นได้ จึงเดินทางกลับมาพบหมออีกครั้ง
คราวนี้หมอรณชัยไม่อยู่จึงตรวจกับหมอเบญจมาพร หมอขอตรวจภายใน พบว่าน่าจะเกิดจากรอยต่อของลำไส้มีการรั่ว การรักษาจึงต้องมีการผ่าตัดอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นหมอเบญจมาพรให้เดินทางกลับบ้าน โดยนัดมาอีกครั้งในวันที่ 20 เม.ย. เมื่อถึงกำหนดนัดจึงเดินทางไปหาหมอรณชัยอีกครั้ง หมอให้นอนที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจละเอียดอีกครั้ง จากนั้นวันที่ 22 เม.ย. หมอทำการส่องกล้องเข้าไปในอวัยวะเพศเพื่อตรวจดูอวัยวะภายใน พบว่าท่อส่งปัสสาวะไปที่ไตถูกตัดขาด เมื่อทราบผลรู้สึกตกใจมาก จึงถามหมอว่าขาดได้อย่างไร
หมอแจ้งว่าอาจจะขาดตอนที่ทำการผ่าตัดครั้งหลังสุด มืออาจจะพลาดไปโดน แฟนดิฉันจึงถามหมอว่าจะสามารถรักษาได้อย่างไร
หมอรณชัยตอบว่าถ้าจะให้หายต้องผ่าตัดอีกครั้งหนึ่ง แต่ต้องใช้เวลา ตอนนี้ยังไม่สามารถผ่าตัดได้ ต้องรอให้แผลผ่าตัดเดิมแห้งก่อน ระหว่างนี้จะส่งตัวไปที่ร.พ.ราชวิถี เพื่อวินิจฉัยและทำการรักษาต่อไป ดิฉันเห็นว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นความผิดจากตัวเอง อีกทั้งเกรงว่าการรักษาต่อจากนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก จึงตัดสินใจเดินทางเข้าร้องทุกต่อนางปวีณา" นางกัลยากล่าว
ภายหลังรับแจ้ง นางปวีณาประสานไปยังนายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข เพื่อพาผู้เสียหายเข้าพบขอความเป็นธรรมต่อไป