ศึกชิงวินรถตู้หมอชิต หวิดตายหมู่ ชายฉกรรจ์กว่ารครึ่งร้อยตบเท้าเตรียมละเลงเลือด โชคดีตำรวจเข้ารองับเหตุทันเวลา
ก่อนควบคุมตัว 2 ทหารกับ 4 พลเรือนมาสอบปากคำพร้อมปืนเอ็ม 16 กระสุนอีกเพียบ สอบสวนให้การปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นเรื่องอาวุธสงคราม ขณะที่คู่กรณีระบุ ช่วงชุลมุนมีผู้หญิงหิ้วปืนมาส่งให้อีกฝ่าย ก่อนจะขึ้นรถหนีไปอย่างรวดเร็ว ตร.ทำได้เพียงถ่ายรูปทำประวัติ ก่อนปล่อยตัวไป เตรียมส่งปืนให้กองพลาธิการและสรรพาวุธ ตรวจสอบอย่างละเอียด
ศึกชิงวินรถหวิดนองเลือด แก่งแย่งผลประโยชน์ที่จอดรถโดยสาร-รถตู้ตะลึงมีอาวุธปืนเอ็ม 16
เมื่อเวลา 04.15 น. วันที่ 25 เม.ย. ร.ต.อ.โกมล รุธิรบริสุทธิ์ รอง สวป.สน.บางซื่อ รับแจ้งเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์กำลังยกพวกทำร้ายกัน
บริเวณใต้ทางด่วนกำแพงเพชร 2 ฝั่งตรงข้ามสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิตใหม่) ถนนกำแพงเพชร 2 แขวง-เขตจตุจักร รีบไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.พาติกรณ์ ศรชัย สวป. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจำนวนหนึ่ง ที่เกิดเหตุพบกลุ่มชายฉกรรจ์ 2 กลุ่มจำนวนรวมกันประมาณ 50 คน กำลังโต้เถียงกันอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเข้าระงับเหตุ เบื้องต้นควบคุมชายฉกรรจ์ที่กำลังก่อเหตุไว้ได้ 6 คน เป็นทหาร 2 นายกับพลเรือนอีก 4 คน พร้อมยึดอาวธุปืน เอ็ม 16 เอ 1 สีดำ ทะเบียน 4938884 ติดกระบอกเก็บเสียงและกล้องเล็งเป้าจำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุน 39 นัด แมกกาซีนเปล่าขนาดบรรจุ 30 นัด 2 แมก อาวุธมีด 1 เล่ม ก่อนนำตัวทั้งหมดส่ง พ.ต.ท.ทองศูนย์ อุ่นวงศ์ สวส.สอบปากคำที่โรงพัก
ต่อมานายมานพ นครจินดา อายุ 40 ปี คนดูแลผลประโยชน์ให้กับบริษัทที่เช่าพื้นที่จอดรถจากการรถไฟฯ เดินทางมาที่โรงพัก
พร้อมให้การว่า ตนมีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ให้กับบริษัทที่เช่าพื้นที่จอดรถจากการรถไฟฯ ช่วงระหว่าง แยก กม.11 ถึงบริเวณทางขึ้นทางด่วนกำแพงเพชร โดยมีนายทหารระดับเสธ.คนหนึ่งเป็นที่ปรึกษา นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงพื้นผิวให้ร้านค้าเช่าขายสินค้าบริเวณพื้นที่ดังกล่าวด้วย โดยทางบริษัทให้บริษัทรถโดยสาร บขส.และรถตู้โดยสารเช่าจอดรถต่อมามีกลุ่มคนนำโดยนายชัยสิทธิ์ ไม่ทราบนามสกุล มักเข้ามาในพื้นที่อ้างกับบรรดาผู้เช่าว่าตัวเองได้สิทธิในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว โดยไล่ให้ออกจากพื้นที่ให้ไปจอดที่อื่น แต่ละครั้งที่มามักจะมีการใช้กำลังตลอด
ล่าสุดช่วงตี 3 จู่ ๆ มีกลุ่มชายฉกรรจ์เกือบ 20 คน บุกเข้ามากระทำการในลักษณะเดิม แต่ทางกลุ่มผู้เช่าที่จอดเดิมไม่ยอม ประกอบกับมีจำนวนมากกว่า จึงกระจายกำลังล้อมก่อนควบคุมตัวไว้ได้ดังกล่าว
นอกจากนี้ยังยึดกระเป๋าเป้ที่มีผู้หญิงคนหนึ่งพยายามนำมาให้กับกลุ่มชายฉกรรจ์ เมื่อเปิดดูถึงกับตะลึงเมื่อพบปืนเอ็ม 16 และกระสุนอยู่ข้างใน อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่นำอาวุธมาให้อาศัยช่วงชุลมุนหนีขึ้นรถรถเก๋ง ไม่ทราบทะเบียน หลบหนีไปได้ พ.ต.ท.พาติกรณ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนชายฉกรรจ์ทั้ง 6 คน ต่างให้การปฏิเสธว่าอาวุธปืนที่ยึดมานั้นไม่ใช่ของตัวเอง เบื้องต้นนำตัวทั้งหมดถ่ายรูปทำประวัติไว้เป็นหลักฐาน ก่อนปล่อยตัวไป สำหรับอาวุธปืนพนักงานสอบสวนจะตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง ก่อนส่งให้กองพลาธิการและสรรพาวุธ (พธ.ตร.) ตรวจสอบอย่างละเอียดว่าอาวุธปืนดังกล่าวใช้การได้หรือไม่ ผ่านการยิงมาแล้วหรือไม่ต่อไป.