ทักษิณวุดวิด รถซิ่งชนเกือบเละ !!!!

เหตุการณ์รถนำขบวน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชนสนั่น


ทอ. ขณะรีบเร่งไปขึ้นเครื่องบินเดินทางไปเยือนพม่า เกิดขึ้นเมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 2 ส.ค. โดยผู้สื่อข่าวติดตามนายกฯ รายงานว่า ระหว่างที่ขบวนรถของ พ.ต.ท.ทักษิณมุ่งหน้าไปท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 (บน.6) โดยใช้เส้นทางถนนจันทรุเบกษา ฝั่งถนนวิภาวดีฯ และมีรถนำของสารวัตรทหารอากาศ (สห.ทอ.) หมายเลขทะเบียน ตราปีกกองทัพอากาศ 52405 ยี่ห้อโตโยต้า คราวน์ สีน้ำเงิน มีเจ้าหน้าที่ สห.ทอ. นั่งไปด้วย เพื่อรับขบวน เข้าไปยังอาคารรับรองพิเศษ ของท่าอากาศยาน บน.6

ปรากฏว่าเมื่อขบวนรถวิ่งเข้าไปได้ประมาณ 1 กม


ถึงช่วงโค้งรูปเกือกม้าใกล้บึงน้ำหัวรันเวย์สนามบินดอนเมือง หรือที่เรียกกันว่าโค้งปราบเซียน เพราะเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ได้มีรถโตโยต้า โคโรลล่า ลิมิเต็ด สีขาว ทะเบียน 4 ธ-5863 กรุงเทพมหานคร ขับสวนทางมาด้วยความเร็วสูง เมื่อเห็นรถนำขบวนเปิดสัญญาณไซเรนขอทางฉุกเฉิน ถึงกับตกใจแตะเบรกกะทันหัน เป็นเหตุให้รถเสียหลักหมุนคว้างขวางถนน จนรถนำขบวนของสารวัตรทหารอากาศ เบรกไม่ทันพุ่งชนเข้ากลางคันอย่างรุนแรง รถกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง รถโตโยต้าสีขาวกระเด็นไปติดอยู่ กับเหล็กกั้นริมทางโค้ง สภาพหน้ารถพังยับเยิน ด้านซ้ายยุบไปทั้งแถบ ล้อซ้ายหน้าแตก ส่วนรถ สห.ทอ. กระโปรงหน้ายุบถึงห้องเครื่อง กันชนหลุด คนขับรถทั้ง 2 คันได้รับบาดเจ็บหมดสติทั้งคู่

ในขณะที่รถ จยย.


นำหน้ารถประจำตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ยี่ห้อบีเอ็มดับบลิว สี่สูบ 250 ซีซี หมายเลขข้างรถ 209 ทะเบียนตราโล่ 56947 มี ด.ต.อัครพล ถนอมเมฆ อายุ 39 ปี สังกัดตำรวจทางหลวงเป็นผู้ขี่ที่ตามมาติดๆเบรกไม่ทันก็พุ่งเสยเข้ากลางลำรถสารวัตรทหารอากาศไปอีกคัน ร่างของ ด.ต.อัครพลลอยละลิ่วไปหล่นหน้ารถสารวัตรทหาร โชคดีไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก ส่วนรถของ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งขับตามหลังไปติดๆ ต้องหักหลบอุตลุด ฉิวเฉียดจะชนประสานงาอย่างหวุดหวิด แต่รีบไปขึ้นเครื่อง โดยไม่ได้ลงดูเหตุการณ์ระทึกแต่อย่างใด

ภายหลังเกิดอุบัติเหตุ


บรรดาผู้สื่อข่าวที่ติดตามขบวนนายกฯ ได้จอดรถลงไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ปรากฏว่าคนขับรถโตโยต้า สีขาว คือนายสุนทร อัตติปา อายุ 35 ปี อาชีพทนายความ อาการสาหัส แน่นิ่ง มีเลือดออกจมูกและปาก โหนกแก้มด้านซ้ายบวมเป่ง มีเศษกระจกบาดและฝังอยู่บนใบหน้า นอกจากนี้ฟันด้านหน้าหักกระเด็นออกมาหลายซี่ ผู้สื่อข่าวต้องช่วยกันงัดประตูดึงร่างออกมาปฐมพยาบาล พร้อมกับประสานรถพยาบาลจาก รพ.ภูมิพลไปรับผู้บาดเจ็บ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งช่วยกันงัดรถสารวัตร ทหารอากาศช่วยเหลือคนขับคือ จ่าอากาศเอกสุวรรณ เผือกอ่อน อายุ 39 ปี และเรืออากาศเอกสมบัติ พิบูลศิลป์ อายุ 52 ปี ที่นั่งข้างคนขับเพื่อส่ง รพ.เช่นกัน ปรากฏว่าทั้งนาย สุนทรและเรืออากาศเอกสมบัติอาการสาหัสทั้งคู่ แพทย์ ต้องนำเข้าห้องไอซียูช่วยชีวิตเป็นการด่วน

ต่อมา


ร.ต.อ.รังสรรค์ สอนศิลป์ ร้อยเวร สน.ดอนเมือง รับแจ้งเหตุและไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ จากนั้นได้ลากรถคู่กรณีทั้ง 2 คันไป สน. โดยเบื้องต้นยังไม่สามารถสอบปากคำผู้บาดเจ็บทั้งหมดได้ คงต้องรอให้คู่กรณีหายเจ็บเสียก่อน

สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อเดินทางถึงอาคารรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกไปช่วยเหลือดูแลคนเจ็บเป็นการด่วน พร้อมกับเปิดเผยด้วยสีหน้าวิตกว่า เท่าที่เห็นรถโตโยต้าสีขาววิ่งสวนมาแล้วหักรถกลับกลางคันอย่างกะทันหันตรงช่วงโค้งพอดี เลยทำให้ชนเข้ากับรถนำของ สห.ทอ. เข้าใจว่าคนขับสลบ แต่ในส่วนของทหารอากาศทราบว่าไม่เป็นอะไรมาก

ด้าน พล.อ.ท.สุเมธ โพธิ์มณี ผู้บัญชาการอากาศโยธิน (ผบ.อย.) กล่าวว่า


อุบัติเหตุเกิดขึ้นระหว่างขบวนรถของนายรัฐมนตรีกำลังเดินทางไปที่ท่าอากาศยานทหาร (บน. 6) เพื่อขึ้นเครื่องบินเดินทางไปประเทศพม่า แต่เมื่อขบวนถึงทางโค้งบริเวณสระน้ำในเขตกองทัพอากาศ มีรถของนายสุนทร อัตติปา อาชีพทนายความ ขับสวนขบวนมา และเมื่อเห็นขบวนรถของนายกรัฐมนตรีเกิดความตกใจเบรกกะทันหัน แต่ด้วยความเร็วของรถทำให้ รถยนต์ของนายสุนทรปัดแล้วโผล่ไปขวางขบวน ทำให้เกิดอุบัติเหตุชนกับรถนำขบวนคันที่ 3 ของกรมสารวัตรทหารอากาศ (สห.ทอ.) ภายหลังเกิดอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่นำนายสุนทร และ ร.อ.สมบัติ พิบูลย์ศิลป์ สังกัดพัน สห.ทอ. ส่งโรงพยาบาลภูมิพลอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้อาการของนายสุนทรสามารถขยับร่างกายได้ แต่แพทย์ต้องดูแลใกล้ชิด เนื่องจากเอกซเรย์แล้วมีอาการสมองร้าว ขณะที่ ร.อ.สมบัติ ได้รับบาดเจ็บซี่โครงหัก 3 ซี่ ทางนายกรัฐมนตรีก็มีความเป็นห่วงสั่งการให้ดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มที่ ส่วนสาเหตุที่นายกฯไม่ลงไปดูจุดเกิดเหตุ เนื่องจากต้องรีบเดินทางไปพม่าให้ทันตามกำหนดการที่วางไว้ แล้วรีบเดินทางกลับออกจากพม่าก่อนเวลา 18.00 น. อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นถือว่านายสุนทรมีความผิด เพราะขับรถพุ่งชนขบวน แต่ด้วยความที่เป็นอุบัติเหตุ ทางกองทัพอากาศคงจะอะลุ่มอล่วยให้ เพราะชีวิตคนเป็นสิ่งสำคัญกว่า

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์