จับหมอเก๊ ขอพักรพ. เผยที่แท้! คนโรคจิต

อลหม่านจับหมอเก๊ หนุ่มโรคจิตวัย 19 ชาวชุมพร บุกโรงพยาบาลหนองคาย อ้างเป็นหมอสังกัดแพทยสภา บอกพยาบาลมาเพื่อขอนอนพักและขอโน้ตบุ๊กเพื่อใช้งาน สุดท้ายโดนจับได้เพราะส่อพิรุธหลายอย่าง เลยหนีเข้าห้องน้ำหวังผูกคอฆ่าตัวตายแต่เจ้าหน้าที่บุกเข้าไปช่วยสำเร็จ

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. พ.ต.ท.ปรีดา ดวงพุทธา สารวัตรเวร สภ.เมือง หนองคาย รับแจ้งจาก ร.พ.หนองคาย ว่ามีผู้แอบอ้างเป็นแพทย์จากแพทยสภา

ขังตัวเองไว้ไนห้องน้ำของห้องพักแพทย์ ตึกพิเศษ 60 เตียง ชั้น 3 ขอให้ไปตรวจสอบด้วย จึงพร้อมกำลังรุดไปตรวจสอบ พบประตูห้องน้ำห้องพักแพทย์ดังกล่าว ถูกล็อกจากด้านในจึงพังประตูเข้าไป ภายในพบร่างชายร่างท้วม ผิวดำ แต่ชุดข้าราชการสีกากี สภาพนอนอยู่พื้นห้องน้ำในลักษณะตะแคงขวา มีเข็มขัดตราครุฑข้าราชการรัดที่คอแบบหลวมๆ ส่วนที่ปลายอีกด้านหนึ่งผูกโยงเข้ากับคันโยกน้ำชักโครกทราบชื่อ นายอนุชิต ศรีพรหม อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72 หมู่ 6 ต.บางพร้าว อ.หลัง สวน จ.ชุมพร ตรวจชีพจรยังเต้นปกติ เจ้าหน้าที่จึงแกะเข็มขัดออกจากลำคอและปฐมพยาบาล แต่นายอนุชิตยังนอนหลับนิ่งทำทีไม่รู้สึกตัว

สอบสวนนางพรทิพย์ ทองสง่า พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ปฏิบัติงานเวรตรวจการพยาบาล ร.พ.หนองคาย ให้การว่า เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา นายอนุชิตมาขอติดต่อขอเข้าพักค้างคืนที่โรงพยาบาล

พร้อมกับขอให้จัดหาโน้ตบุ๊กให้ใช้งาน โดยอ้างว่าเป็น ร.ต.น.พ.ธีรวัฒน์ ปิยพสุนทรา สังกัดแพทยสภา มาประเมินการทำงานและสำรวจความพึงพอใจของประชาชนในการปฏิบัติงาน ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และตรวจสอบหอพักนักศึกษา โดยแต่งกายชุดสีกากีแบบฟอร์มข้าราชการและสวมแจ๊กเกตสีดำปักอักษรคำว่า แพทยสภา ไว้ที่ด้านหลัง เจ้าหน้าที่จึงจัดเตรียมห้องพักให้ ส่วนโน้ตบุ๊กไม่ว่างจึงจัดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะให้ใช้งาน

นางพรทิพย์กล่าวว่า ก่อนจะส่งนายอนุชิตเข้าห้องพักได้สอบถามว่า วันนี้ไปตรวจงานที่ไหนมาบ้าง นายอนุชิตตอบว่า ไปตรวจร.พ.บึงกาฬ จ.หนองคาย

แต่เมื่อตรวจสอบไปที่โรงพยาบาลบึงกาฬ ทราบว่าไม่มีเจ้าหน้าที่แพทยสภาไปตรวจสอบ จึงเกรงจะเป็นพวก 18 มงกุฎ มาหลอกลวง จึงย้อนกลับไปหานายอนุชิต และเมื่อไปถึงพบนายอนุชิตกำลังใช้คอมพิวเตอร์พิมพ์เอกสาร โดยอ้างว่าพิมพ์รายงานที่ไปสำรวจ มาทั้งวัน โดยมีการจัดแบบฟอร์มการพิมพ์อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนหนังสือของทางราชการ

นางพรทิพย์กล่าวต่อว่า ขณะนั้นนายอนุชิตถอดเสื้อคลุมออกจึงสังเกตว่าชุดข้าราชการที่นายอนุชิตสวมใส่ไม่ถูกต้อง

เครื่องประดับชั้นยศเป็นข้าราชการพลเรือน แต่มีดาวทองติดทับ จึงพยายามพูดคุยสอบถาม เพื่อหาข้อพิรุธ โดยถามว่าหากแพทยสภาจะเดินทางมาตรวจสอบต้องมีหนังสือแจ้งถึงผู้บังคับบัญชาของตนให้ทราบ แต่ในครั้งนี้ทำไมไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ซึ่งนายอนุชิตมีสีหน้าไม่พอใจแล้วตอบว่า แพทยสภาส่งแฟ็กซ์มาแล้ว โดยมาพร้อมทีมงาน 6 คน แต่แยกย้ายไปที่ จ.ขอนแก่น และร้อยเอ็ด ส่วนตนมีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่ จ.หนองคาย

จากนั้นตนจึงขอดูแบบประเมินแบบสอบ ถามที่จะมาทำการประเมิน นายอนุชิตหยิบแบบประเมินออกจากกระเป๋า

ระหว่างนั้นสังเกตเห็นนิตยสารกอสซิปดารา เชื่อว่าแพทย์ไม่น่าจะอ่านหนังสือแบบนี้ จึงขอดูบัตรข้าราชการจากนายอนุชิต ยิ่งทำให้มั่นใจว่านายอนุชิตต้องเป็นพวก 18 มงกุฎอย่างแน่นอน เพราะชื่อผู้ออกบัตรเป็น ชื่อ น.พ.ปัญญา รักษาวงศ์ นายแพทย์สาธารณ สุข จ.ชุมพร ซึ่งจริงๆ แล้วผู้ออกบัตรประจำตัวข้าราชการจะต้องเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดของท้องที่นั้นๆ และถ้าเป็นทหารจริงทำไมไม่สัง กัดกระทรวงกลาโหม แต่มาสังกัดกระทรวงสาธารณสุข

นางพรทิพย์กล่าวอีกว่า นายอนุชิตยังบอกว่า ถ้าไม่เชื่อลองไปถามตำรวจดู

เพราะเมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา ไปตรวจหอพักนักศึกษาของมหาวิทยา ลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตามจากนั้นตนจึงไปโทรศัพท์แจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบโดยระหว่างนี้ ได้ให้รปภ.ของโรงพยาบาลมายืนเฝ้าที่หน้าห้อง ทันทีที่นายอนุชิตเห็นรีบเข้าห้องน้ำและล็อกประตูไม่ยอมออกมานาน 3 ชั่วโมง ร้องเรียกก็ไม่มีเสียงตอบรับ จึงได้ตัดสินใจพังประตูเข้าไป และพบว่านายอนุชิตใช้เข็มขัดผูกคอตาย จึงช่วยกันปฐมพยาบาลดังกล่าว

ด้านพ.ต.ท.ปรีดากล่าวว่า เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา นายอนุชิตเข้าไปพบตน โดยแจ้งว่าเป็นน.พ.ธีรวัฒน์ ปิยพสุนทรา มาจากแพทยสภา

โดยแต่งกายในชุดข้าราชการสีกากี และแจ้งขอเจ้าหน้าที่ตำรวจให้พาไปตรวจสอบหอพักนักศึกษาของมหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย จึงจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวก แต่มาทราบภายหลังว่านายอนุชิตไม่ได้เป็นแพทย์จากแพทยสภาจริงดังที่กล่าวอ้าง และจากการตรวจสอบเอกสารของนายอนุชิต เบื้องต้นพบว่า นายอนุชิตเป็นผู้ป่วยของโรงพยาบาลสวนสราญรมย์ ซึ่งเป็นสถานรักษาพยาบาลผู้มีอาการป่วยทางจิต นอกจากนี้ยังพบบัตรประจำตัวของโรงเรียนวิภาวดีบริบาล ตำแหน่งพนักงานผู้ช่วยพยาบาล ที่มีรูปติด แต่ระบุชื่อว่า นายอภิชัย ศรีพรหม จึงอายัดไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นสันนิษฐานว่า นายอนุชิตคงจะมีอาการป่วยทางจิตและมีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นแพทย์ จึงปลอมแปลงเอกสารและสวม รอยเป็นแพทย์ คาดว่าจะไปตระเวนหลอกโรงพยาบาลต่างๆ