จ่อยิงเจ้าของฟาร์มวัว ตายสยองคาปิกอัพ

จ่อกระหน่ำยิงเจ้าของฟาร์มวัวดับสยองคารถปิกอัพ 2มือปืนทมิฬซิ่งรถจยย.ทำทีมาขอยืมเครื่องมือช่าง ขณะขับรถออกจากบ้านไปหาหญ้ามาให้วัวกิน ฉวยโอกาสตอนเผลอ ชักปืนซัลโวใส่ไม่ยั้งตายคารถ ก่อนเผ่นแนบ ตำรวจตั้ง 2 ปมสังหาร เรื่องชู้สาว กับถูกส่งมือปืนมาฆ่าปิดปาก เพราะล่วงรู้ความลับการค้าสิ่งผิดกฎหมายของกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่

เหตุสังหารโหดครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 31 ก.ค. พ.ต.ท.บุญลือ ดอกบัว สวส.สภ.อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งมีเหตุยิงกันตาย บนถนนสายบ้านวังฉิม-สระบัวทอง หมู่ 2 ต.บ้านโข้ง อ.อู่ทอง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.โสพิน รุ่งสว่าง รอง ผกก.ป. และตำรวจฝ่ายสืบสวน แพทย์รพ.อู่ทอง และหน่วยกู้ภัยจักรนารายณ์ ที่เกิดเหตุพบรถปิกอัพ ยี่ห้อโตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ สีดำ ทะเบียน บม 1194 นครปฐม จอดอยู่ริมถนน

บนเบาะคนขับพบร่างไร้วิญญาณของนายเคียง อัมพรตระการ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 287 หมู่ 2 ต.บ้านโข้ง สภาพร่างฟุบเอียงไปที่เบาะข้าง มีบาดแผลถูกกระหน่ำยิงด้วยปืนขนาด 11 มม. เข้าที่บริเวณเหนือคิ้ว 1 นัด และหลังกกหูขวา 2 นัด ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนตกอยู่ 4 ปลอก และหัวกระสุน อีก 1 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนนายมงคล อัมพรตระการ อายุ 24 ปี บุตรชายผู้ตายให้การว่า บิดามีอาชีพเลี้ยงวัวกว่า 10 ตัว หรือทำฟาร์มขนาดเล็ก ก่อนเกิดเหตุชักชวนกันออกมาเกี่ยวหญ้าอยู่ห่างจากบ้านพักราว 500 เมตร เพื่อนำไปให้วัวกินจนหลังเก็บหญ้าได้เต็มท้ายรถ ขณะบิดากำลัง จะขึ้นรถขับออกเอาหญ้าไปบ้านรอบแรก ส่วนตนกำลังเกี่ยวหญ้าอยู่ เห็นมีคนร้ายเป็นชาย 2 คน

ขี่รถจยย.ยี่ห้อคาวาซากิ สีเขียว สภาพเปลือย ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ผ่านเลยไปประมาณ 50 เมตร ก่อนจะจอดรถและคนซ้อนท้ายทำทีเดิน มายืมเครื่องมือช่างจากบิดา พอบิดาเผลอจึงฉวยโอกาสชักปืนออกมากระหน่ำยิงใส่แล้ววิ่งไปขึ้นรถที่เพื่อนติดเครื่องรออยู่หลบหนีไป ส่วนสาเหตุไม่ทราบ เพราะบิดาไม่เคยเล่าเรื่องให้ฟังว่าไปมีเรื่องอะไรกับใครไว้

เบื้องต้นตำรวจตั้งประเด็นสังหารไว้ 2 ประเด็น คือเรื่องชู้สาว เนื่องจากผู้ตายไปติดพันสาวคนหนึ่งในหมู่บ้าน อาจทำให้ชายอื่นที่หมายปองตามยิงปิดบัญชีหัวใจ และเรื่องที่ผู้ตายอาจไปล่วงรู้ความลับเกี่ยวกับการค้าผิดกฎหมายของกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่โดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นไปได้ว่าอาจถูกส่งมือปืนมาตามเก็บป้องกันความลับแพร่งพรายไปถึงเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ซึ่งตำรวจจะสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป.

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์