เหตุสมภารฉาวมั่วสีการายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 10 เม.ย. พ.ต.ท.อวัช มูลศิริ สวญ.สภ.ช้างใหญ่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งจากนายสมชาย สุขสามดาว อายุ 50 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.ช้างใหญ่ ว่า
มีชาวบ้านฮือปิดล้อมกุฏิพระครูวินัยธรมรรยาท สุภาจาโร อายุ 45 ปี เจ้าอาวาสวัดช้างใหญ่ เนื่องจากจับได้ว่าพาสีกาเข้าไปในกุฏิกลางดึก เกรงจะถูกชาวบ้านบุกเข้าไปรุมประชาทัณฑ์ จึงสั่งการให้ พ.ต.ต. สันติ ธัยมาตร สว.สส. นำกำลังเข้าไประงับเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นกุฏิทรงไทยยกพื้นสูง พบนายสมชาย พร้อมด้วยพระ เณร และชาวบ้านราว 100 คน ล้อมกุฏิที่เกิดเหตุ ต่างพากันตะโกนด่าและสาปแช่งพระฉาว พยายามจะพังประตูบุกเข้าไป จึงขอให้ชาวบ้านอยู่ในความสงบ และพูดเกลี้ยกล่อมให้พระครูวินัยธรมรรยาท เปิดประตูให้เข้าไปตรวจสอบนานกว่า 1 ชั่วโมง พระครูวินัยธรมรรยาท ถึงยอมเปิดประตูกุฏิออกมาด้วยสีหน้าซีดเผือด พร้อมปฏิเสธไม่ได้นำสีกาเข้ามาในกุฏิ
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นในกุฏิอย่างละเอียดกระทั่งพบ น.ส.ฝน ไม่ทราบนามสกุล อายุราว 30 ปี
สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว กางเกงยีนส์สีดำ ซ่อนตัวอยู่ ใต้เพดาน จึงเรียกลงมาในสภาพเนื้อตัวเต็มไปด้วยหยากไย่ทำให้พระครูวินัยธรมรรยาทถึงกับหน้าถอดสี ไม่ยอมพูดจาใดๆ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุ้มกันสมภารฉาว กับ น.ส.ฝนฝ่ากลุ่มชาวบ้านขึ้นรถสายตรวจ นำไปให้ พระครูทักษิณวรกิจ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง และเป็นเจ้าคณะตำบลไม้ตราทำการสึกก่อนปล่อยตัวไป
พระครูวินัยธรมรรยาท เป็นคนในหมู่บ้าน บวชมาราว 25 พรรษา จนได้เป็นเจ้าอาวาสวัดช้างใหญ่ เมื่อ 4-5 ปีก่อน ระยะหลังการบริหารเงินของวัดไม่ค่อยโปร่งใส และมีชาวบ้านพบเห็นพระครูฉาวพาผู้หญิงเข้ากุฏิบ่อยครั้งจนชาวบ้านหมดศรัทธาไม่มาทำบุญที่วัด กระทั่งก่อนเกิดเหตุราวสี่ทุ่ม มีคนเห็น น.ส.ฝนนั่งรถตุ๊กตุ๊กมาลงหลังกุฏิเจ้าอาวาส แล้วเดินเข้าไปในกุฏิ และจำได้ว่า น.ส.ฝนแอบมาหาพระครูฉาวบ่อยครั้ง จึงมาปรึกษาตน ก่อนระดมชาวบ้านปิดล้อมกุฏิเพื่อจับให้ได้คาหนังคาเขาจนมีการตรวจค้นกุฏิพบว่าพาสีกาเข้ามานอนกกจริง ถึงได้ยอมสึกโดยดี