จับลูกสาวอดีตสส.ปิยะ ผ่าตัดหน้า หนีหนี้หมื่นล้าน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 26 มี.ค. พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ สุขวัฒน์ธนกุล ผกก.5 บก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผกก.ประจำ ทล.ช่วยราชการ บก.ป.

พร้อมชุดสืบสวนเข้าจับกุมนางกันต์กนิษฐ์ อังกินันทน์ หรือนางปานจิต ชิ้นศิริ อายุ
48 ปี ลูกสาวนายปิยะ หรือแป๋ง อังกินันทน์  อดีต ส.ส.เพชรบุรี พรรคชาติไทย อยู่บ้านเลขที่ 218 ซอยริมน้ำ ถนนพานิชเจริญ ต.ท่าราบ อ.เมืองเพชรบุรี ตามหมายจับศาลจังหวัด สมุทรสาคร ที่ จ 569/2548 ลงวันที่ 8 มิ.ย.48 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงบริษัทน้ำมันแห่งหนึ่งเป็นเงิน 15 ล้านบาท หลังสืบทราบว่า นางกันต์กนิษฐ์ร่วมกับพวกจัดฉากว่าตัวเองเสียชีวิตจากเหตุพิบัติภัยคลื่นยักษ์สึนามิถล่มทะเล อันดามันเมื่อปี 47 เพื่อหลบหนีหมายจับคดีร่วมกันฉ้อโกงหลายสิบคดี 


ชุดสืบสวน บก.ป.สามารถแกะรอยจับกุมนางกันต์กนิษฐ์ได้บริเวณปากซอยนราธิวาสราชนครินทร์
14
แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม.

ขณะขับรถเก๋งโตโยต้า รุ่นยาริส สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ษ-
8970 กรุงเทพมหานครกลับจากส่งลูกไปโรงเรียน ขณะเดียวกัน กำลังอีกชุดนำโดย พ.ต.ท.ธรรมวัฒน์ หิรัณยเลขา รอง ผกก.5บก.ป. เข้าตรวจค้นทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น เลขที่ 256/1 ซอยศรีนคร ถนนนางลิ้นจี่ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. จับกุมนายชาญชัย ชิ้นศิริ อายุ 48 ปี สามีนางกันต์กนิษฐ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับฉ้อโกงเช่นกัน ยึดเอกสารหลายรายการ อาทิ ใบมรณบัตรนางกันต์กนิษฐ์ ชิ้นศิริ ใบอนุโมทนาจากวัดสุวรรณคีรีวิหาร จ.ระนอง ที่มีการนำศพซึ่งสมอ้างว่าเป็นนางกันต์กนิษฐ์ไปบำเพ็ญกุศล บัตรประชาชนในชื่อนางกันต์กนิษฐ์ นางปานจิต บัตรประชาชนนายสมพร มาลา บัตรเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ของนายชาญชัย แต่ใช้ชื่อ พงศ์วิทย์ ศรีวิทยาพงศ์ ปฏิบัติหน้าที่ปัญหาเส้นเขตแดน และการข่าวความมั่งคงสากล เอกสารการติดต่อทำธุรกิจค้าน้ำมัน และปืนออโตเมติก 2 กระบอก
 


สืบเนื่องจากเมื่อวันที่
1 ส.ค.48
บริษัท โชคชัยมหาชัย จำกัด โดยนายเพิ่มเกียรติ โพธิเพียรทอง กับพวก เจ้าหนี้ของนางกันต์กนิษฐ์และสามีได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.

ให้ตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของนางกันต์กนิษฐ์ เนื่องจากไม่เชื่อว่าจะเสียชีวิตจากเหตุพิบัติภัยคลื่นยักษ์สึนามิจริงตามที่ทางการแจ้งไว้ อีกทั้งนางกันต์กนิษฐ์ยังเป็นผู้ต้องหาร่วมกับสามีซึ่งมีหมายจับมากกว่า
50 คดี มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท เชื่อว่าน่าจะมีการจัดฉากเพื่อหลบหนี พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ผกก.ปพ.บก.ป.ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่อยมา กระทั่งเป็น ผบก.ป.จึงมอบหมายพ.ต.อ.กิตติศักดิ์ สุขวัฒน์ธนกุล ผกก.5 บก.ป.สืบสวนคลายคดีต่อ เริ่มต้นแกะรอยย้อนกลับไปตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องพบว่า เดิมนางกันต์กนิษฐ์ใช้ชื่อนางปานจิต ชิ้นศิริ แต่ไปขอมีบัตรประชาชนใหม่ที่สำนักงานเขตบางพลัด แจ้งว่าบัตรหายเพื่อให้ออกบัตรในชื่อ นางกันต์กนิษฐ์ ชิ้นศิริ เมื่อวันที่ 2 เม.ย.47


ต่อมา เมื่อวันที่
31 ธ.ค.47 เวลา 16.00
น. นายชาญชัย ชิ้นศิริ สามีเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.ต.ปากน้ำ จ.ระนอง เพื่อขอให้ช่วยตามหานางกันต์กนิษฐ์

อ้างว่า ก่อนหน้านี้ภรรยาบอกจะเดินทางไปที่เกาะพยาม อ.เมืองระนอง แต่ขาดการติดต่อไปสงสัยอาจตกเป็นเหยื่อสังเวยเหตุคลื่นยักษ์สึนามิ ปรากฏว่า ตอนค่ำวันนั้น นายชาญชัยกลับไปที่โรงพักอีกครั้งเพื่อแจ้งว่าพบศพนางกันต์กนิษฐ์แล้ว โดยมีบัตรประชาชน บัตรเครดิต และเงินสดจำนวนหนึ่งติดตัวศพอยู่ มีผู้หญิง
2 คนอ้างเป็นพลเมืองดี เจ้าของเรือเช่าตกปลา อ.กะเปอร์ จ.ระนอง เป็นผู้พบศพสาวใหญ่รายนี้ลอยขึ้นอืดอยู่กลางทะเล จึงนำขึ้นที่ท่าน้ำกะเปอร์ เป็นเหตุให้ สภ.ต.ปากน้ำเข้าใจว่า สภ.อ.กะเปอร์เก็บลายนิ้วมือและหลักฐานอื่นๆ เพื่อพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลไว้แล้วจึงทำบันทึกประจำวันให้นายชาญชัยนำศพภรรยาไปบำเพ็ญกุศลที่วัดสุวรรณคีรีนคร ต.เขานิเวศน์ อ.เมืองระนอง เมื่อวันที่ 4 ม.ค.48 พร้อมออกใบมรณบัตรที่ อ.เมืองระนอง ซึ่งสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง รับรองการเสียชีวิตว่ามาจากเหตุสึนามิ
 

นายชาญชัยได้นำเอกสารทั้งหมดของนางกันต์กนิษฐ์ไปรับสินไหมทดแทนจากบริษัทไทยประกันชีวิต จำกัด จำนวน 9 แสนบาท

และบริษัทเอไอเอ จำกัด อีก
1.2 ล้านบาท เหลืออีก 8 ล้านบาท ที่ยังไม่ได้จ่ายให้ กระทั่งต่อมา ตำรวจสืบทราบว่ามีหญิงสาวใช้ชื่อ น.ส. พะเยาว์ ปานหว่าง ไปทำเรื่องขอย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านเลขที่ 114/191 หมู่ 10 ต.วัดชลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ที่มีนายพล นามเที่ยง เป็นเจ้าบ้าน ที่สำนักงานเทศบาลเมืองบางกรวย แต่เจ้าหน้าที่ยกเลิกเรื่อง เนื่องจากตรวจสอบพบการสมอ้างตัวเป็น น.ส.พะเยาว์ ชุดสืบสวน บก.ป. จึงทำเรื่องขอลายพิมพ์นิ้วมือที่สแกนไว้ไปตรวจเปรียบเทียบกับลายพิมพ์นิ้วมือของนางกันต์กนิษฐ์ที่สำนักงานเขตบางพลัด เมื่อครั้งไปขอทำบัตรประชาชนใหม่ กองพิสูจน์ หลักฐานตรวจสอบแล้วปรากฏว่าเป็นลายนิ้วมือคนคน เดียวกัน แสดงว่านางกันต์กนิษฐ์ยังมีชีวิตอยู่จึงสืบสวนติดตามจับกุมได้ในที่สุด

 

จากการสอบสวนยังพบระหว่างที่นางกันต์กนิษฐ์ อำพรางคดีว่าเสียชีวิตจากเหตุภัยพิบัติสึนามิได้มีการเปลี่ยนชื่อมาแล้ว 3 ครั้ง

โดยเมื่อวันที่
26 มี.ค.48 สวมบัตรประชาชน น.ส.ชัยนคร ทิน่าน วันที่ 31 พ.ค.48 สวมบัตร น.ส.ณัฏฐ์ สิริณัฏฐ์ และวันที่ 23 ก.ค.48 สวมบัตรน.ส.พะเยาว์ ปานหว่าง ที่เทศบาลนครสมุทรสาคร ก่อนจะมาทำเรื่องที่เทศบาลเมืองบางกรวย ส่วนการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้งคู่พบนางกันต์กนิษฐ์มีหมายจับติดตัวทั้งหมด 28 หมาย ในคดีร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันออกเช็คเพื่อชำระหนี้ ส่วนนายชาญชัยมีหมายจับติดตัวทั้งหมด 35 หมาย ในคดีเดียวกัน และระหว่างหนีหมายจับยังเปิดบริษัท ปานทรัพย์เอเวอร์กรีน จำกัด ติดต่อซื้อขายน้ำมันกับหลายบริษัทจนทำให้มีหนี้สินเป็นจำนวนมากทั้งที่ก่อนหน้านี้ศาลล้มละลายกลางได้บังคับคดีให้ชำระหนี้บริษัทผู้เสียหาย ตามคดีดำที่ 1319/2547 คดีแดงที่ 2344/ 2547 รวมมูลค่าความเสียหาย 8,241,692,091.73 บาท มีเจ้าหนี้เป็นบริษัทใหญ่หลายบริษัท โดยเฉพาะบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ขอให้ชำระหนี้ถึง 5 พันกว่าล้านบาท

 

เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองไม่ยอมให้การใดๆ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร ดำเนินคดี

พร้อมประสานตำรวจท้องที่ตามหมายจับให้อายัดตัวไปดำเนินคดีเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม นายชาญชัยอ้างกับชุดสืบสวนว่า ขณะเกิดเหตุภรรยาเดินทางไปเที่ยวที่ จ.ระนอง จริง เมื่อมีผู้แจ้งพบผู้เสียชีวิต ซึ่งมีบัตรประชาชนของภรรยาจึงเดินทางไปรับศพนำมาประกอบพิธี แต่ขณะนั้นตนมีคดีติดตัวเป็นจำนวนมากเลยไม่กล้าจะตรวจสอบหลักฐานอะไร เมื่อภรรยากลับมาจึงต้องปล่อยเรื่องเลยตามเลย เพราะไม่กล้าไปพบตำรวจ ส่วนเรื่องคดีฉ้อโกงไม่ขอพูดถึง

 

พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ สุขวัฒน์ธนกุล ผกก.5 บก.ป. เปิดเผยว่า สำหรับนางกันต์กนิษฐ์นั้นได้ตรวจสอบการเดินทางพบว่า มีการเดินทางไปประเทศจีนเพื่อไปทำศัลยกรรมใบหน้า ลบปานดำบนแก้มซ้ายที่เป็นจุดเด่น

นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าน่าจะมีการทำศัลยกรรมจมูกและริมฝีปากบนด้วย ทั้งนี้ ภายหลังการจับกุมได้ตรวจค้นหลักฐานเพิ่มเติมที่บ้านพักของผู้ต้องหาสามารถยึดได้เอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับคดีเช่น ใบมรณบัตร เอกสารการยื่นเรื่อง ขอรับเงินประกัน บัตรข้าราชการปลอมหลายใบ กองปราบปรามจะเร่งสืบสวนขยายผลการจับกุมเพื่อตรวจสอบว่าคดีที่เกิดขึ้นมีใครเข้ามาเกี่ยวข้องเข้าข่ายอำนวยความ สะดวกช่วยเหลือผู้ต้องหาบ้าง เช่น การทำบัตรประชาชนใหม่ การแจ้งเปลี่ยนชื่อ

 ด้านนายปิยะ อังกินันทน์ อดีต ส.ส.เพชรบุรี บิดาของนางกันต์กนิษฐ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุคลื่นสึนามิก็ไม่ค่อยได้ติดต่อลูกสาว เพราะมีครอบครัวไปแล้ว

และหลังเกิดสึนามิ นายชาญชัย ชิ้นศิริ สามีนางกันต์กนิษฐ์ ได้โทรศัพท์แจ้งให้ทราบว่า ลูกสาวเสียชีวิต ยังหาศพไม่พบ ซึ่งครอบครัวของตนก็ยังเสียใจจนถึงทุกวันนี้ แต่เมื่อมาทราบว่ายังมีชีวิตอยู่ ก็ดีใจ ส่วนเรื่องคดีที่ทำไว้ ถือเป็นกรรมที่สร้างมา นางกันต์กนิษฐ์จะต้องไปชดใช้เอาเอง เพราะไม่ได้ติดต่อกับลูกมานานแล้ว เดิมชื่อปานจิต มาเปลี่ยนชื่อเมื่อไร ไม่เคยทราบ รวมทั้งมีหนี้สินอย่างไร ก็ไม่ทราบเช่นกัน

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์