กรณี น.ส.ปุ้ม (นามสมมติ) อายุ 20 ปี ที่แอบกินยา ทำแท้งลูกในท้องอายุครรภ์ 5 เดือน เพราะไม่มีปัญญาเลี้ยง
เนื่องจากสามีเสียชีวิต พอลูกทะลักออกมาก็ใช้มีดสับเป็นชิ้นยัดใส่ถุงโยนทิ้งลงคอห่านโถส้วม ทำให้ท่อตันต้องตามช่างมาแก้ไขโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นำถุงใส่ซากทารกไปโยนทิ้งถังขยะหน้าหอพักย่านรังสิต จ.ปทุมธานี บังเอิญมีคนเก็บของเก่ามาพบนึกว่าเป็นเนื้อไก่สดหอบหิ้ว กลับไปบ้าน เทออกมาจะผัดใบกะเพรากิน ถึงกับสะดุ้งสุดตัวเพราะกลายเป็นชิ้นส่วนศพเด็กทารกตามที่เป็นข่าวเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น
ในส่วนความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 มี.ค. พ.ต.ท.สมาน ลอมเศรษฐี สารวัตรเวร สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เจ้าของคดีเผยว่า ในขณะนี้ยังไม่สามารถส่งตัว น.ส.ปุ้มไปผัดฟ้องฝากขังศาลได้
เพราะเมื่อคืนวันที่ 25 มี.ค.ระหว่างสอบปากคำเพิ่มเติมประกอบสำนวนคดี น.ส.ปุ้มมีอาการหน้าซีดจะเป็นลม และมีอาการตกเลือดเป็นจำนวนมาก จึงรีบนำส่ง รพ.ประชาธิปัตย์ แพทย์ตรวจพบว่าการกินยาทำแท้งลูกครั้งนี้ยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากมีรกของเด็กติดอยู่ในมดลูก ทำให้มีอาการตกเลือดภายใน จึงส่งต่อไปรักษาตัวที่ รพ.ปทุมธานี พร้อมทั้งอายัดตัวไว้ชั่วคราว ขณะเดียวกัน ก็ยังไม่มีญาติหรือหน่วยงานใดยื่นมือเข้ามาดูแลหรือช่วยเหลือผู้ต้องหารายนี้ เบื้องต้นทางแพทย์ รพ.ปทุมธานีได้จัดพยาบาลเฝ้าดูแล น.ส.ปุ้มอย่างใกล้ชิด เพราะ น.ส.ปุ้มมีอาการซึมเศร้าอย่างหนัก เกรงว่าอาจจะคิดสั้นทำร้ายตัวเอง คาดว่าจะต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.อีกหลายวัน
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังเพิงพักใต้สะพานกลับรถหน้าห้างเทสโก้โลตัส สาขารังสิต ถนนพหลโยธิน หมู่ 2 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
ซึ่งเป็นที่พักของนางชะนี กระจ่างจิต อาชีพเก็บของเก่าขายและครอบครัวประกอบด้วยสามีและลูกอีก 5 คนพักอยู่ รวมกัน พบเจ้าหน้าที่เทศกิจของเทศบาลเมืองรังสิต นำเอกสารหลักฐานหนังสือร้องเรียนที่มีคนส่งไปที่เทศบาลเมืองรังสิตจำนวนหลายสิบฉบับ เรื่องให้จัดระเบียบกลุ่มคนเร่ร่อนที่เข้ามายึดพื้นที่ว่างใต้สะพานกลับรถเป็นที่อยู่อาศัย โดยเจ้าหน้าที่เทศกิจระบุว่านางชะนีและครอบครัวจะต้องย้ายออกไปจากจุดที่อยู่ภายใน 7 วัน และหากไม่ สามารถเลี้ยงดูบุตรทั้ง 5 คนได้จะมอบให้สถานสงเคราะห์ รับไปดูแลแทน เนื่องจากลูกๆ ทั้ง 5 คนของนางชะนีอายุ ตั้งแต่ 14-2 ขวบไม่มีใครได้เรียนหนังสือแม้แต่คนเดียว
ด้านนางชะนีกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า เมื่อวานเก็บถุงขยะใส่ศพทารกเกือบจะเอามาผัดกิน ก็ถือว่าดวงซวยสุดๆ แล้ว นี่ยังมาซวยซ้ำสองอีก
ถูกไล่ที่อยู่ทั้งๆที่อยู่มานานเป็นปีแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าจะไปอยู่ที่ไหน หรือว่าจะไปทำอะไร ถ้าให้ไปอยู่ตามสถานสงเคราะห์ หรือมูลนิธิก็คงไม่ไปอยู่ดี ตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออกว่าจะไปอยู่ไหนกัน ถ้าจะให้ย้ายออกก็ต้องไล่พวกเร่ร่อนที่อาศัยอยู่ใกล้กันออกไปให้หมดด้วย ไม่ใช่เลือกปฏิบัติเฉพาะครอบครัวตนเท่านั้น มันไม่ยุติธรรม อยากจะให้ทางจังหวัดจัดสรรที่อยู่เป็นหลักแหล่งให้ เพื่อจะได้ประกอบอาชีพตามเดิม และลูกๆ จะได้เรียนหนังสือด้วย
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
