เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 23 มี.ค. พ.ต.ท.วีระศักดิ์ ติระพัฒน์ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.โชคชัย
รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกเข้าไปชิงทรัพย์ และถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ภายในธนาคารกรุงเทพ สาขาถนนนาคนิวาส เลขที่ 18/123 ถนนนาคนิวาส แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. จึงรุดไปสอบสวน พร้อมด้วย พ.ต.อ.บุญเพ็ญ มั่งคั่ง ผกก.สน.โชคชัย ร.ต.อ.พรทวี สมพงษ์ สวป.สน.โชคชัย และฝ่ายสืบสวน สน.โชคชัย
ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถว 2 ชั้น 3 คูหา อยู่ข้างซอยนาคนิวาส 12 ภายในธนาคารบริเวณหน้าเคาน์เตอร์เบิกถอนเงิน
พบนายกานต์ คงคาสี อายุ 32 ปี พนักงานรักษาความปลอดภัยของธนาคารกรุงเทพ ยืนถือปืนอยู่ข้างๆคนร้ายที่ถูกยิงนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด ทราบชื่อภายหลังว่านายภัทร ไชยสัตย์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 180/457 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. แต่งกายด้วยเสื้อแจ็กเกตสีดำ กางเกงยีนส์ ใส่หมวกไหมพรม มีปืนตกอยู่ข้างตัว 1 กระบอก และกระเป๋าสะพายสีน้ำตาล 1 ใบ มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่สีข้างด้านซ้ายทะลุหน้าอกขวา 1 นัด เจ้าหน้าที่รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมอายัดตัวไว้เป็นผู้ต้องหา
จากการตรวจสอบในกระเป๋าสะพายของคนร้าย พบบัตรประชาชนของนายภัทร ไชยสัตย์ นามบัตร ระบุชื่อนายภัทร ตำแหน่งหัวหน้าศูนย์ บริษัทไทยประกันชีวิต สาขาอโศก และเงินสด 340,000 บาท ส่วนปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนปลอม ส่วนที่ฟุตปาทหน้าธนาคาร พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า ฟีโน่ สีส้ม ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ของคนร้ายจอดอยู่ เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน
ด้านนายกานต์ คงคาสี รปภ.ธนาคารที่กลายเป็นฮีโร่ของแบงก์ให้การด้วยเสียงที่ไม่หายตื่นเต้นว่า
ก่อนเกิดเหตุมีลูกค้าใช้บริการประมาณ 6-7 คน ตนยืนอยู่ข้างประตูด้านในธนาคาร จู่ๆมีคนร้ายสวมหมวกไหมพรมวิ่งถือปืนเข้ามาพร้อมตะโกนสั่ง “ทุกคนหยุดอยู่กับที่ นี่คือการปล้น” จากนั้นกระโดดข้ามเคาน์เตอร์ไปด้านหลัง กวาดเงินสดตามลิ้นชักต่างๆใส่กระเป๋าสะพายสีน้ำตาล ในช่วงแรกตกใจเหมือนกัน แต่ในใจคิดถึงความปลอดภัยของลูกค้า และพนักงานธนาคาร ตัดสินใจชักปืนพกขนาด .38 ข้างเอวออกมา ตะโกนให้ทุกคนหมอบลงกับพื้น ก่อนลั่นไกใส่คนร้ายที่กำลังง่วนกับการกวาดทรัพย์สินด้านหลังเคาน์เตอร์ไป 5 นัดซ้อน จนคนร้ายได้รับบาดเจ็บ ตนสั่งให้ปีนกลับขึ้นมามอบตัวที่หน้าเคาน์เตอร์ กระทั่งมีตำรวจเข้ามาสนับสนุน
พ.ต.ท.ธรากร เลิศพรเจริญ สว.สส.สน.โชคชัยกล่าวว่า
คนร้ายคือนายภัทร ไชยสัตย์ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ แต่พอให้การได้ว่า ขี่รถ จยย.ผ่านหน้าธนาคารแห่งนี้ และคิดว่าน่าจะก่อเหตุได้ จึงบุกเข้าไป แต่ไม่ยอมบอกถึงสาเหตุของการก่อเหตุว่ามาจากอะไร อย่างไรก็ตาม จากหมวกไหมพรม กระเป๋าสะพาย ปืนปลอม และหมวกกันน็อกที่เตรียมมา เชื่อว่าคนร้ายเตรียมการมาก่อนหน้า ทั้งนี้ ต้องรอแพทย์รักษาอาการให้หายดีก่อนสอบปากคำอีกครั้ง