หนุ่มเครียดตกงานกระโดดให้รถไฟชนทับร่างตายสยองรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 21 มี.ค. พ.ต.ท.เทพฤทธิ์ ชาวนาวิก สารวัตรเวร สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งมีเหตุคนกระโดดให้รถไฟชนเสียชีวิตที่สถานีรถไฟย่อยพระราชวังสนามจันทร์
หลังมหาวิทยาลัยศิลปากร ถนนเหนือวัง เขตเทศบาลนครนครปฐม รุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.ศูนย์นครปฐม และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์ พบศพนายไพศาล สนประสิทธิ์ อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 198 ถนนริมคลองวัดพระงาม เขตเทศบาลนครนครปฐม นอนตายอยู่ใต้โบกี้ที่ 3 ของรถไฟสายด่วนขบวนที่ 170 ยะลา-กรุงเทพฯ ลักษณะศพนอนหงายร่างฉีกขาด แขนและขาซ้ายขาดกระเด็นออกมาอยู่นอกราง สวมกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน เสื้อยืดลายเขียวขาวสวมทับด้วยเสื้อแจ็กเกตสีเทาอ่อน ตรวจสอบในตัวพบกระเป๋าสตางค์ มีบัตรประจำตัวประชาชน ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋า บุหรี่สายฝน 1 ซอง กุญแจ รถ จยย.1 ดอก โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง นอกจากนี้ ยังพบรถ จยย. ฮอนด้า เวฟ สีดำ ทะเบียน กมว-367 นครปฐม ของผู้ตาย จอดอยู่ริมถนนหน้าสถานีรถไฟ
ตกงานให้รฟ.ทับ ช่างทาสีเครียด
สอบถามนายสุพจน์ โกศลสุวรรณ พขร.เปิดเผยว่าก่อนเกิดเหตุขับรถไฟขบวนดังกล่าวออกจากสถานีรถไฟยะลามุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ โดยมีผู้โดยสารนั่งกันมาเต็มขบวนรถ
ระหว่างวิ่งผ่านชานชาลาสถานีรถไฟย่อยพระ ราชวังสนามจันทร์ เพื่อนำรถไปจอดที่สถานีรถไฟนครปฐม อยู่ห่างกันประมาณ 1 กม.เป็นช่วงชะลอความเร็วรถ มองเห็นผู้ตายยืนอยู่ริมชานชาลา แต่เมื่อขบวนรถวิ่งมาก่อนถึงจุดที่ผู้ตายยืนอยู่ประมาณ 10 เมตร จู่ๆผู้ตายกระโดดลงมาที่รางรถไฟให้รถไฟชนทับร่างเสียชีวิตอย่างสยดสยอง ท่ามกลางเสียงหวีดร้องตกใจของผู้โดยสารที่เห็นเหตุการณ์ จึงหยุดรถลงไปดูพร้อมกับแจ้งให้ตำรวจทราบมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ หลังสอบปากคำตำรวจมอบศพนายไพศาลให้ หน่วยกู้ภัยนำไปเก็บเพื่อรอญาติมารับศพ ก่อนจะปล่อยให้ขบวนรถไฟเดินทางต่อเพื่อส่งผู้โดยสารยังสถานีปลายทาง พร้อมกับแจ้งไปยังนายสถานีรถไฟนครปฐม ให้รายงาน รฟท.ทราบ เพื่อนำตัวนายสุพจน์ โกศลสุวรรณ พขร.มาสอบในภายหลัง
ต่อมาวันเดียวกันได้มี น.ส.สุภาภรณ์ สนประสิทธิ์ อายุ 36 ปี ทำงานเป็นพยาบาล รพ.สนามจันทร์นครปฐม พี่สาวของนายไพศาลเดินทางไปดูศพพร้อมกับให้ปากคำตำรวจทั้งน้ำตาว่า
นายไพศาล น้องชาย ทำงานเป็นช่างรับเหมาทาสีตามบ้านทั่วไป แยกไปเช่าบ้านพักอาศัยที่อื่นคนเดียว เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.วันเดียวกัน นายไพศาลโทรศัพท์ไปหาพร้อมกับบ่นให้ฟังว่าเครียด เศรษฐกิจไม่ดี ไม่มีใครจ้าง หางานทำไม่ได้อยากตาย ตนเองก็ได้ ปลอบใจไม่ให้คิดมาก หลังพูดคุยกันอยู่นานอยู่ร่วม 30 นาที สังเกตนายไพศาลเริ่มมีท่าทีจิตใจสงบลงไม่คิดว่าจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย เมื่อให้ปากคำมาถึงตอนนี้ น.ส.สุภาภรณ์ ระงับความเสียใจไม่อยู่ถึงกับร่ำไห้โฮ พร้อมรำพึงรำพันว่าหากรู้อย่างนี้ว่าน้องจะฆ่าตัวตายจริงๆ ก็คงไปรับมาอยู่ด้วยแล้ว และไม่คิดว่าจะฆ่าตัวตายด้วยวิธีนี้ หลังจากนั้นได้ติดต่อขอรับศพไปบำเพ็ญกุศลต่อไป