ยึด 117 ล้าน! สมุน ขุนส่า ไทยผนึกสหรัฐ ล่อจับ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 มี.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว. ยุติธรรม พล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ เลขาธิการ ป.ป.ส. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองอธิบดีดีเอสไอ และ Mr.Andrew Kellum ตัวแทนสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐฯ  (DEA) 

ร่วมแถลงข่าวจับกุมนายพีรยุทธ์ แพศย์กล อายุ 52 ปี นายชาญณรงค์ มูเซอ หรือเกษมทัศ อายุ 48 ปี และนายวิชาญ สุถิพรรณ์ อายุ 40 ปี พร้อมเงินสดในตู้เซฟขนาดใหญ่ 3 ใบ รวมมูลค่าเกือบ 50 ล้านบาท ทองรูปพรรณมูลค่า 10 ล้านบาท รถยนต์ 6 คัน นาฬิกาโรเล็กซ์ 1 เรือน มูลค่า  2  ล้านบาท ปืนลูกซองยาว 2 กระบอก พร้อมทรัพย์สินอย่างอื่น อาทิ โฉนดที่ดิน 6 แปลงพร้อมสิ่งก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า  เฟอร์นิเจอร์ไม้  และของกลางอื่นอีก จำนวนมาก รวมมูลค่ากว่า 117 ล้านบาท

ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดี ดีเอสไอ ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ DEA สหรัฐฯ ให้สืบสวนจับกุมองค์กรอาชญากรรมค้ายาเสพติดและฟอกเงินรายใหญ่ หลังพบว่า

นายชาญณรงค์ มูเซอ ซึ่งเคยถูกเจ้าหน้าที่
DEA จับกุมในคดีค้ายาเสพติดที่อเมริกา พ้นโทษออกมา  แต่ยังมีพฤติการณ์ค้ายาเสพติดในประเทศ ไทย ดีเอสไอจึงวางแผนให้เจ้าหน้าที่ปลอมตัวอำพรางเป็นกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด เพื่อติดต่อซื้อเฮโรอีนจากนายชาญณรงค์  จำนวน  780  กรัม  ราคา 570,000 บาท โดยนายพีรยุทธ์เป็นคนนำเฮโรอีนมาส่งมอบให้ชุดสืบสวนที่อำพรางตัว และให้โอนเงินค่ายาเสพติดเข้าบัญชีธนาคารของนายวิชาญ


ต่อมาจึงได้มีการตรวจสอบการติดต่อทางโทรศัพท์ และเส้นทางการเงินของกลุ่มบุคคลดังกล่าว เพื่อรวบรวมหลักฐานความเชื่อมโยง กระทั่งมั่นใจว่า

แก๊งดังกล่าวค้ายาเสพติดจริง และพบว่านายชาญณรงค์อยู่ในบัญชีที่ ป.ป.ส.และ ปปง.ได้สืบสวนติดตามพฤติการณ์มากว่า
10 ปีแล้ว จึงได้วางแผนจับกุมโดยโทรศัพท์ติดต่อล่อซื้อยาเสพติดอีกครั้งจากนายชาญณรงค์ แต่ปรากฏว่านายชาญณรงค์ไหวตัวทันไม่ยอมรับสาย เจ้าหน้าที่ดีเอสไอจึงนำหลักฐานทั้งหมดเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.บรรจบ อยู่ยืนยง พนักงานสอบสวน สำนักสารสนเทศและศูนย์ ข้อมูลการตรวจสอบ เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ

จากนั้น พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองอธิบดีดีเอสไอ จึงจัดแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ 8 ชุด เข้าตรวจค้นเป้าหมายเพื่อจับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน และสามารถจับกุมนายพีรยุทธ์ ได้ที่บ้านเลขที่ 216 ม.8 ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย จับกุมนายชาญณรงค์ได้ที่บ้านเลขที่ 270 ม.5 หมู่บ้านสินธนา ต.สันพระเนตร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ และจับกุมนายวิชาญได้ที่บ้านเลขที่ 187/2 ซอยปลูกจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. เบื้องต้นนายพีรยุทธ์รับสารภาพว่าเคยจำหน่ายเฮโรอีนและยาไอซ์ น้ำหนักรวม 350 กก. ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน ยังให้การปฏิเสธ

ต่อมาในวันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ศาลอาญา พ.ต.ท.บรรจบ อยู่ยืนยง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ควบคุมตัวนายพีรยุทธ์ นายชาญณรงค์ และนายวิชาญ ผู้ต้องหาในคดีค้ายาเสพติดข้ามชาติ ไปฝากขังต่อศาลครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 20-31 มี.ค. 52 เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องรอสอบปากคำพยานอีก 15 ปาก รวบรวมพยานหลักฐานในหลายจังหวัด และรอผลตรวจสอบประวัติการต้องโทษจากลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ต้องหา

โดยคำร้องระบุว่า

เมื่อวันที่
14 มี.ค. 51 สำนักงานปราบปรามยาเสพติดประเทศสหรัฐอเมริกา ประจำกรุงเทพฯ ได้มีหนังสือถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งพฤติกรรมของผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ว่ากระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและฟอกเงิน และเป็นสมาชิกองค์กรผลิตยาเสพติดในประเทศพม่า มีกองกำลังว้าแดงคุ้มครองความปลอดภัย เป็นเครือข่ายและญาติของขุนส่า นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอจึงร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. วางแผนจับกุมโดยวิธีล่อซื้อเฮโรอีน 780 กรัม ในราคา 570,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหามีเฮโรอีนซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ผู้ต้องหาที่ 1 ให้การภาคเสธ ว่ามีหน้าที่รับเงินซื้อขายเฮโรอีนเท่านั้น ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 และ 3 ให้การปฏิเสธ

ท้ายคำร้องยังระบุด้วยว่า

คดีนี้มีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต และการสืบสวนจับกุมกระทำได้โดยยาก หากมีการยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากผู้ต้องหาทั้ง
3 เป็นส่วนหนึ่งขององค์กรอาชญากรรมค้ายาเสพติดข้ามชาติ หากว่าปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าจะหลบหนีไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ศาลพิจารณาคำร้องอนุญาตให้ฝากขังได้

สำหรับขบวนการค้ายาเสพกลุ่มดังกล่าวเป็นเครือญาติของขุนส่า ราชายาเสพติดรายใหญ่ของโลก ดีเอสไอเชื่อว่า

แก๊งดังกล่าวตั้งโรงงานผลิตยาเสพติดในประเทศพม่าใกล้ชายแดนไทย ลักลอบผลิตเฮโรอีน ยาบ้า ยาไอซ์ โดยมีกองกำลังทหารว้าแดงให้ความคุ้มครอง ก่อนลักลอบลำเลียงขนจำหน่ายให้แก๊งยาเสพติดในประเทศไทย จีน ลาว กัมพูชา เวียดนาม เพื่อส่งต่อไปยังประเทศฟิลิปปินส์ แคนาดา และสหรัฐฯ

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์