กรณีคดีคนร้ายฉกลูกปัดโบราณ สุริยเทพ 2 พันปี หายไปจากพิพิธภัณฑ์มิวเซียมสยาม โดยตำรวจเร่งควานหาตัวคนร้าย ออกภาพสเกตช์ชายต้องสงสัย
ซึ่งอยู่ในเวลาใกล้เคียงกับช่วงที่ลูกปัดหายไป และมีการตั้งรางวัล 5 หมื่นบาทนั้น ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 มี.ค. พ.ต.อ.สุคุณ พรหมายน ผกก.สน.พระราชวัง รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) ว่า มีผู้ส่งซองจดหมายทางไปรษณีย์มาที่พิพิธภัณฑ์ ภายในพบลูกปัดสุริยเทพที่หายไป จึงรายงานให้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 ไปตรวจสอบพบ น.ส.ไพรินทร์ มณีทัพย์ และ น.ส.อัญญาพร จริยาบูรณ์ เจ้าหน้าที่ธุรการฝ่ายอำนวยการ เป็นผู้แกะซองจดหมายดังกล่าว
จากการสอบสวนทราบว่า เจ้าหน้าที่ได้รับจดหมายส่งมาที่พิพิธภัณฑ์ฯจึงคัดแยกตามหน้าที่ พบจดหมายดังกล่าว
เมื่อเปิดดูมีลูกปัดสุริยเทพถูกห่อด้วยกระดาษทิชชูสีขาว บรรจุลงในถุงพลาสติกใสสุญญากาศ ใช้สก๊อต-เทปติดกับกระดาษเขียนจดหมาย มีข้อความลายมือเขียนด้วยปากกาลูกลื่นหมึกสีน้ำเงินระบุว่า “ฉันต้องขอโทษทุกคนด้วยที่ทำให้เดือดร้อนกันทุกคน ฉันขอคืนให้ก็แล้วกันนะ จะได้สบายกันทุกฝ่าย ขอโทษจากใจจริง” แล้วใส่ซองจดหมายสีขาว จ่าหน้าซองถึงพิพิธภัณฑ์ฯ โดยมีการประทับตราจากไปรษณีย์จระเข้บัว ลงวันที่ 11 มี.ค. 52 จึงให้พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานต่างๆไว้ เพื่อนำส่งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจหารอยนิ้วมือแฝง
ต่อมาเวลา 12.20 น. ห้องประชุมมิวเซียมสยาม พล.ร.อ.ฐนิธ กิตติอำพล ผอ.สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ แห่งชาติ แถลงข่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้ลูกปัดคืนมา เพราะเป็นสมบัติของชาติ
เป็นโอกาสอันดีที่จะให้ประชาชนเข้าชมและศึกษาต่อไป จากการตรวจดูด้วยตาเปล่าแล้ว ลูกปัดมีความสมบูรณ์ ทั้งฟองอากาศ และขอบแก้วตามจุดต่างๆ เป็นเพราะทางผู้ส่งห่อพลาสติกกันกระแทกมาด้วย พร้อมกันนี้ก็ส่งรูปภาพผ่านทางอินเตอร์เน็ต ให้ นพ.บัญชา พงศ์พานิช เจ้าของลูกปัดไปตรวจสอบ จากนี้ จะนำไปจัดแสดงเหมือนเดิม โดยจะเริ่มเปิดให้ชมในวันที่ 17 มี.ค.นี้
พล.ร.อ.ฐนิธกล่าวอีกว่า ทางพิพิธภัณฑ์จะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย เริ่มจากประชาชนที่เข้าชมต้องแลกบัตรก่อนเข้าชม เพิ่มเจ้าหน้าที่อีก 8 คน เพิ่มระบบเตือนภัยแบบสั่นสะเทือน เพิ่มกล้องวงจรปิดอีก 10 ชุด
สามารถบันทึกภาพอย่างชัดเจนทุกมุม ส่วนตู้ที่ใช้จัดแสดงเพิ่มความแข็งแรงเป็น 2 ชั้น ประตูจะปิดล็อกทันที เมื่อสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น ส่วนเรื่องคนร้ายก็ให้ทางตำรวจดำเนินการไปตามกฎหมายต่อไป ด้าน นพ.บัญชา กล่าวว่า ตรวจสอบลูกปัดดูตำหนิรูปพรรณ เชื่อว่าเป็นของจริง อยากให้คนที่ขโมยไปแสดงตัวต่อสังคมเพื่อสร้างความกระจ่าง เรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ใช่การสร้างข่าวเพื่อปั่นกระแส ขอเรียกร้องให้ตำรวจเร่งสอบสวนคลี่คลายคดีโดยเร็ว
ด้าน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา กล่าวว่า ตำรวจจะส่งจดหมาย ถุงพลาสติก กระดาษ ลายมือ ให้ทางกองพิสูจน์หลักฐานตรวจเก็บหลักฐานไว้ และให้ฝ่ายสืบสวนไปตรวจสอบไปรษณีย์ที่ประทับตราถึงจุดที่รับมา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์เชื่อว่าเป็นลูกปัดสุริยเทพที่ถูกคนร้ายเข้าไปขโมยเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานนายแพทย์บัญชา ผู้เชี่ยวชาญและนักสะสมลูกปัด เพื่อยืนยันว่าเป็นลูกปัดโบราณเม็ดที่ถูกขโมยไปจริงหรือไม่ สำหรับด้านคดียังคงต้องสืบสวนสอบสวนหาตัวร้ายต่อไป เนื่องจากเป็นคดีอาญา มีความผิดข้อหาลักทรัพย์โดยทำลายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์ มีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับ 2,000-10,000 บาท เท่าที่ดูจากข้อความที่เขียนแทนตัวเองว่า “ฉัน” อาจเป็นผู้หญิงก็ได้แต่ยังไม่ปักใจ อย่างไรก็ตาม ยังสงสัยชายในภาพสเกตช์และยังต้องการตัวมายืนยันเหตุการณ์นี้ด้วย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อว่าคนร้ายจะส่งคืนลูกปัดจริง เป็นการเสี่ยงที่คนร้ายจะต้องถูกตามจับ ทั้งยังมีการห่อหุ้มลูกปัดส่งกลับมาในซองจดหมายเป็นอย่างดี ตลอดระยะเวลาที่ลูกปัดหายไป มีผู้เชี่ยวชาญออกมาให้ข้อมูลประชาสัมพันธ์ ซึ่งอาจจะเป็นแผนโปรโมตลูกปัดสุริยเทพ จึงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดต่อไป