เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 12 มี.ค. นายเอี่ยม จึงประเสริฐ นายกสมาคมผู้ปกครอง ร.ร.พานทองสภาชนูปถัมภ์ อ.พานทอง จ.ชลบุรี
พานักเรียนชายอายุ 15-17 ปี รวม 4 คน ประกอบด้วย นายเบล (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.6 นายปู (นามสมมติ) อายุ 16 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.3/5 นายเอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.3/5 และนายดล (นามสมมติ) อายุ 15 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.3/5 เข้าพบ พ.ต.อ.ณพล นามนารถ ผกก.สภ.พานทอง พ.ต.ท.จตุวัฒน์ กิ่งบัวหลวง รอง ผกก.สส. และ พ.ต.ท. คมพล ขำคม พนักงานสอบสวนว่า เด็กนักเรียนทั้ง 4 คน ถูกนายคมกฤษ ฤกษ์ยินดี อายุ 46 ปี ครูสอนวิชาศิลปะของ ร.ร.ดังกล่าวกระทำอนาจาร สอบถามเด็กทราบว่า เมื่อวันที่ 10 มี.ค. นายคมกฤษเรียกเด็กนักเรียนชายที่สอบวิชาศิลปะไม่ผ่านเข้าไปพบในห้องแล้วให้ถอดกางเกงลูบคลำอวัยวะเพศ อีกทั้งยังให้ยืนสำเร็จความใคร่ให้ดูและใช้กล้องดิจิตอลถ่ายรูปเก็บไว้ด้วย
ด้าน พ.ต.อ.ณพล เปิดเผยว่า หลังสอบปากคำเด็ก เบื้องต้นได้พาเด็กทั้ง 4 คน ไปให้ปากคำต่อพนักงานอัยการ ทนายความ นักสังคมสงเคราะห์ และนักจิตวิทยาแล้ว
เชื่อว่าเรื่องที่เกิดเหตุมีมูล โดยเด็กเปิดเผยด้วยว่าข้อสอบวิชาศิลปะที่ทำไม่น่าเชื่อว่าจะไม่ผ่าน แต่ถูกครูกลั่นแกล้งบอกว่าถ้าไม่อยากให้สอบตกก็ต้องเข้าไปพบ และยอมให้กระทำอนาจารดังกล่าว บางครั้งรู้สึกสะอิดสะเอียนเพราะครูคนนี้ใช้ปากจูบปากขณะบังคับให้สำเร็จความใคร่ อย่างไรก็ตาม คาดว่าครูคนดังกล่าวอาจเคยกระทำกับเด็กอื่นๆมาหลายราย เพราะทราบว่าทำมานาน 4-5 ปีแล้ว ทั้งนี้จะสอบขยายผลเพิ่มเติมต่อไป ขั้นตอนจากนี้จะออกหมายเรียกครูที่ถูกกล่าวหา หากครั้งแรกไม่มาก็จะออกหมายเรียกไปครั้งที่ 2 หากไม่มาอีกก็จะออกหมายจับต่อไป ส่วนข้อหาเข้าข่ายกระทำอนาจารเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีโดยบังคับขืนใจ
อีกรายพ่อพาลูกสาวร้องมูลนิธิปวีณาฯถูกดาบตำรวจลวงไปข่มขืนในโรงแรม เปิดเผยเมื่อเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน นายจั๋ง (นามสมมติ) อายุ 33 ปี ชาว จ.ลพบุรี อาชีพค้าขาย พา ด.ญ.บูม (นามสมมติ) อายุ 14 ปี
เข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อขอให้ช่วยติดตามคดีที่ ด.ญ. บูม ถูก ด.ต.ถิติรัตน์ หรือดาบตุ่น จินตนสนธิ ตำรวจสืบสวน สภ.ท่าหิน อ.เมืองลพบุรี ลวงทำอนาจารและข่มขืน เหตุเกิดเมื่อประมาณปลายเดือนตุลาคม 2551 ขณะนั้น ด.ญ.บูม อายุแค่ 13 ปี กำลังรีดผ้าอยู่ที่บ้าน ด.ต.ถิติรัตน์ ซึ่งเป็นแฟนของน้องสาวตน โทรศัพท์มาหาบอกให้ไปพบที่โรงพักเพื่อจะพูดคุยเรื่องปัญหาครอบครัวของตนกับภรรยา
ปรากฏว่าเมื่อลูกสาวไปพบกลับหลอกล่อให้ขึ้นรถพาเข้าโรงแรมพีพีอินน์ ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงพักมากนัก ก่อนบังคับจับถอดเสื้อผ้าพยายามข่มขืน
แต่ไม่สามารถสอดใส่อวัยวะเพศเข้าไปได้ ทำได้แค่อนาจารภายนอกจนสำเร็จความใคร่ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา ทราบเรื่องจากลูกสาวเลยพาเข้าแจ้งความเพื่อเอาผิดกับ ด.ต.ถิติรัตน์ให้ถึงที่สุด แต่เกรงคดีจะไม่คืบหน้าเนื่องจาก ผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งทางครอบครัวยังถูก ด.ต.ถิติรัตน์ข่มขู่ ตัดสินใจพาบุตรสาวเข้าร้องทุกข์ ต่อนางปวีณา เพื่อขอความช่วยเหลือดังกล่าว
หลังทราบเรื่องนางปวีณาพาเด็กหญิงผู้เสียหายเข้าพบ พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 เพื่อให้ช่วยเร่งรัดติดตามคดี
โดย พล.ต.ท.ฉลอง สั่งการไปยัง พล.ต.ต.สถิตย์ ต้นสงวน ผบก.ภ.จ.ลพบุรี มีคำสั่งลงโทษทางวินัยให้ ด.ต.ถิติรัตน์ออกจากราชการไว้ก่อนและให้เร่งคดีอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งส่งกำลังตำรวจไปดูแลครอบครัวของนายจั๋งเพื่อความปลอดภัย ด้านนางปวีณากล่าวว่า ช่วงต้นปี 2550 มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ใน จ.ลพบุรี พาบุตรสาวมาร้องทุกข์กับทางมูลนิธิปวีณาฯ กรณีบุตรสาวถูกตำรวจ สภ.ท่าหิน ข่มขืนกระทำชำเรา เมื่อตรวจสอบพบว่าเป็น ด.ต.ถิติรัตน์ จินตนสนธิ คนเดียวกันนี้ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการสอบสวนและดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้ไม่ไปทำร้ายผู้อื่นอีกต่อ