เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 6 มี.ค. ที่ บก.ป. พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1บก.ป.
ร่วมแถลงข่าวจับกุม น.ส.กรพัชรา ศรีรักษา หรือณัฐอร หรืออร ศิริสุขะวัฒน์ อายุ 32 ปี นายอุกฤษฎ์ ด้วงมั่ง อายุ 22 ปี นางถนอมขวัญ หรือนิด รักมั่น อายุ 34 ปี และ น.ส.ชุลี กำจัด อายุ 28 ปี ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น พร้อมของกลางเครื่องคอมพิวเตอร์ 1 ชุด เครื่องพิมพ์ 1 เครื่อง แฟ้มเอกสารตัวอย่างแผ่นกำนัลการท่องเที่ยวของบริษัทการท่องเที่ยวไทย 2 แผ่น และเอกสารการติดต่อโฆษณาการท่องเที่ยวของบริษัทการท่องเที่ยวไทย 8 แผ่น โดยจับกุม น.ส.กรพัชราได้ที่หน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน ย่านฝั่งธนฯ ส่วนที่เหลือจับกุมได้จากบ้านเช่าไม่มีเลขที่ใกล้หมู่บ้านพุดตาน ถนนมาเจริญ แขวงและเขตหนองแขม กทม.
สืบเนื่องเมื่อประมาณเดือน ธ.ค. 51 มีกลุ่มผู้เสียหายประมาณ 30 ราย ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามว่า ได้ซื้อบัตรกำนัลห้องพักจากบริษัทการท่องเที่ยวไทย จำกัด ในซอยเพชรเกษม 69 เขตหนองแขม กทม.
เพื่อเข้าพักที่วิรันดารีสอร์ทแอนด์สปา ราคา 2,499 บาท โดยในแพ็กเกจจะมีบัตรห้องพักพร้อมบุฟเฟ่ต์อาหารเช้า รวมทั้งบัตรล่องเรือเจ้าพระยาครุยส์ หากซื้อจำนวนมากจะได้ราคาที่ประหยัดมากขึ้นอีก จึงสั่งซื้อผ่านบริษัทการท่องเที่ยวไทย จำนวน 6 ชุด ระยะแรกๆ สามารถใช้บริการได้โดยไม่มีปัญหาอะไร กลุ่มผู้เสียหายจึงติดต่อขอซื้อแพ็กเกจเพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก
จากนั้นบริษัทท่องเที่ยวไทย จำกัด ได้ประชาสัมพันธ์เปิดขายแพ็กเกจอีกครั้ง โดยให้ลูกค้าสามารถเลือกเข้าพักโรงแรมต่างๆ ได้ถึง 10 แห่ง
รวมทั้งยังแถมบัตรกำนัลบุฟเฟ่ต์โรงแรมมณเฑียรริเวอร์ไซด์ และบัตรล่องเรือเจ้าพระยาครุยส์ให้ด้วย กลุ่มผู้เสียหายจึงติดต่อขอซื้อรวม 20 ชุด มูลค่าชุดละ 3,500 บาท บางคนยังติดต่อขอซื้อเพื่อนำไปขายต่อให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีกด้วย และมีผู้เสียหายบางส่วนที่ซื้อแพ็กเกจเหล่านี้ไปได้ติดต่อขอเข้าพักที่ภูริมันตรารีสอร์ทแอนด์สปา ที่ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อกับบริษัทท่องเที่ยวไทยเพื่อให้จองห้องพักได้ และต่อมาพบว่าบริษัทฯได้ปิดตัวลงและหลบหนีไป สร้างความเสียหายให้กับลูกค้าทั้งหมดทั้งที่ยังไม่ได้เข้าแจ้งความมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท
จากการสอบสวนพบว่านางถนอมขวัญเป็นพี่สาวของนายอุกฤษฎ์ ส่วน น.ส.ชุลี หรือแจงเป็นญาติของทั้งสอง
โดยทั้งหมดถูก น.ส.กรพัชราชักชวนให้มาทำงานที่บริษัทดังกล่าว ในตำแหน่งพนักงานรับโทรศัพท์จากลูกค้าและติดต่อจองที่พักให้กับลูกค้า ส่วน น.ส.กรพัชรา รับสารภาพว่า เปลี่ยนชื่อมาแล้วหลายครั้ง ได้แก่ พิมพ์ภัค ณัฐอร สรัญญา โสรยา และเขมจิรา ส่วนนามสกุลก็เปลี่ยนมาแล้วหลายครั้งเช่นกัน ได้แก่ ศรีรักษา ศิริสุขะวัฒน์ และศรีภัทรนันท์ เพราะต้องหลบหนีคดีที่ถูกตำรวจออกหมายจับไว้เมื่อครั้งเปิดบริษัทสวัสดีเอเจนซี่ จำกัด แล้วเกิดปัญหาเรื่องเงินกับหุ้นส่วนที่เป็นญาติกัน และก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นพนักงานขายให้กับโรงแรมหลายแห่งใน กทม. ทำให้ทราบช่องทางการติดต่อเรื่องการท่องเที่ยวหรือที่พักโรงแรมและรีสอร์ต จึงลาออกจากงานมาเปิดบริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเอง แต่ก็มีปัญหากับหุ้นส่วนทำให้ต้องปิดบริษัทหนีคดี และมาเปิดบริษัทท่องเที่ยวไทย จำกัด ที่ผ่านมาไม่ได้โกงเงินลูกค้าหรือโรงแรมที่ติดต่อแต่อย่างใด เพราะจ่ายเงินให้ ครบทุกครั้ง แต่เนื่องจากมีคดีติดตัวจึงต้องปิดบริษัทเพื่อหลบหนี
คือเมื่อกลางปี 51 เปิดบริษัทสวัสดี เอเจนซี่ จำกัด ย่านลาดพร้าว 99 เมื่อเดือน พ.ย.51 เปิดบริษัทท่องเที่ยวไทย จำกัด ในซอยเพชรเกษม 69 และเมื่อเดือน ธ.ค.51 เปิด หจก.ณัฐอรการท่องเที่ยว บริเวณถนนเลียบคลองภาษีเจริญ ทั้งหมดเป็นการเปิดบริษัทเพื่อจำหน่ายบัตรท่องเที่ยวจำนวนมากแล้วปิดบริษัทหนี นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่ามีการถ่ายโอนเงินกว่า 4 ล้านบาท ไปเข้าบัญชีคนอื่น ซึ่งตำรวจกำลังขยายผลและตรวจสอบว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำผิด และมีผู้ร่วมกระทำผิดรายอื่นอีกหรือไม่