ปดส.ทลายรง.นรกบุกช่วย18ดญ.ลาว

"บุกค้นโรงงานนรก"


ตำรวจปดส.บุกทลายโรงงานเย็บถุงมือย่านทุ่งครุ ช่วยเหลือคนงานเด็กลาว 18 คน หลังแรงงานเด็กต่างด้าวชาวลาวคนหนึ่งหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และมูลนิธิผู้หญิง ตร.ขอหมายศาลเข้าตรวจค้น โรงงานประตูเหล็กปิดอย่างแน่นหนา ด้านหน้าติดตั้งกล้องวงจรปิด พบเด็กลาวนั่งทำงาน อยู่ในสภาพแออัด ถูกบังคับให้ทำงานหามรุ่งหามค่ำ แทบไม่ได้พักผ่อน หากทำไม่ได้ตามเป้าก็จะถูกลงโทษ รวบเจ้าของโรงงาน 4 คน พร้อมแจ้งข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ให้ที่พัก ซ่อนเร้น และทำร้ายร่างกายคนงานต่างด้าว

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 20 ก.ค. พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบก.ปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี (ปดส.) สั่งการให้พ.ต.ท.ชาคร ศรีวัฒนประยูร สว.กก.3 บก.ปดส. ร.ต.อ.เสริมเกียรติ คัมภีระ ร.ต.อ.วรดร บำรุงกิจ รอง สว.กก.3 บก.ปดส. ร่วมกับ น.ส.จิราพร เอื้อเฟื้อ ผู้ประสานงานโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ มูลนิธิผู้หญิง และนายชูชาติ เจริญลาภ นักสังคมสงเคราะห์ 3 สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านเกร็ดตระการ นำหมายศาลอาญาธนบุรี ที่ 778/2549 ลงวันที่ 19 ก.ค.49 เข้าตรวจค้นโรงงานผลิตถุงมือ เลขที่ 364/44 ซ.พุทธบูชา แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม.


"เข้าตรวจค้น ติดวงจรปิดประตูหน้า"


ทั้งนี้ สืบเนื่องจากโรงงานดังกล่าวมีการลักลอบใช้แรงงานเด็กต่างด้าวโดยผิดกฎหมาย เนื่องจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และมูลนิธิผู้หญิงให้ความช่วยเหลือเด็กชาวลาวรายหนึ่งที่หลบหนีออกมาได้ และอยู่ในความคุ้มครองของบ้านเกร็ดตระการ

เบื้องต้นเด็กคนดังกล่าวให้การว่า ที่โรงงานแห่งนี้ใช้แรงงานเด็กต่างด้าวทำงานอย่างหนัก ตั้งแต่ตีห้าถึงสี่ทุ่ม โดยไม่ให้ออกไปเห็นเดือนเห็นตะวัน หากเด็กคนใดทำถุงมือไม่ได้ตามจำนวนที่กำหนดไว้จะถูกตีหรือถูกทำร้ายอีกด้วย เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนรวบรวมหลักฐานก่อนจะขอหมายศาลเข้าทำการตรวจค้นดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการเข้าตรวจค้น พบว่าที่โรงงานแห่งนี้เป็นอาคารพาณิชย์ 5 ชั้น 2 คูหา มีประตูเหล็กปิดไว้อย่างแน่นหนา ภายนอกมีกล้องวงจรปิดติดไว้ที่หน้าประตูอีกด้วย เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจกดกริ่งเรียกผู้ดูแลให้มาเปิดประตู พร้อมกับแสดงหมายค้น เมื่อเข้าไปตรวจสอบภายในโรงงานที่เป็นทั้งที่ทำงานและที่พักอาศัย พบว่าที่ชั้นล่างมีการใช้เป็นที่เก็บด้ายวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ส่วนชั้นสอง เป็นที่ตั้งเครื่องปั่นด้าย และจักรเย็บถุงมือ ชั้นสามจะเป็นที่พักอาศัยของคนงานซึ่งเป็นห้องนอนขนาดเล็ก ห้องน้ำรวม และยังใช้เป็นที่พักกินข้าวด้วย


"ทำงานไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน"


โดยสภาพของห้องพักนั้นอยู่กันอย่างแออัดยัดเยียด เนื่องจากมีเด็กจำนวนมากที่พักอาศัยอยู่ทำให้มีกลิ่นเหม็นอับชื้น และสกปรก

เบื้องต้นจากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบแรงงานเด็กทั้งหมด 18 คน แบ่งเป็นหญิง 17 คน และชาย 1 คน อายุระหว่าง 12-23 ปี ทั้งหมดเป็นชาวลาวกำลังนั่งทำงานอยู่อย่างสะบักสะบอม สภาพเด็กแต่ละคนจะมีใบหน้าที่อิดโรย สวมเสื้อผ้าสกปรก บางรายเป็นโรคผิวหนังอีกด้วย

สอบสวนด.ญ.แดง (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ให้การว่า ตนเป็นชาวแขวงจำปาสัก ประเทศลาว ส่วนที่มาทำงานในประเทศไทย มีนายหน้าเป็นชาวลาวไปติดต่อคนในหมู่บ้าน มีตนกับเพื่อนรวม 7 คนที่จะมาหางานทำในไทย จากนั้นนายหน้ารายนี้พาข้ามชายแดน และเข้ามาที่กรุงเทพฯ แต่ตอนนั้นไม่ทราบว่าเป็นที่ใด กระทั่งถูกส่งมาทำงานที่โรงงานแห่งนี้ ตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ต้องทำงานถึงสองสัปดาห์จะได้หยุดวันอาทิตย์หนึ่งวัน แต่ในวันหยุดไม่เคยได้ออกไปไหนมาไหน ต้องกินนอนอยู่ในโรงงานตลอด เงินค่าจ้างที่ได้นำไปซื้อขนมที่นายจ้างเอามาขายเองภายในโรงงาน


"ได้ค่าจ้าง แค่ อาทิตย์ละ 200-300"


ด.ญ.แดง ให้การต่อว่า ส่วนเรื่องการทำงานนั้น แต่ละวันจะต้องเริ่มทำงานตั้งแต่ตีห้าครึ่งไปจนถึงสี่ทุ่ม ทุกวันจะมีช่วงหยุดพักกินข้าว 3 ครั้ง นอกจากนี้ ทางนายจ้างยังกำหนดไว้ด้วยว่าในแต่ละวันจะต้องทำถุงมือให้ได้จำนวนเท่าไร เช่น ตั้งแต่ตีห้าครึ่งไปจนถึงแปดโมงต้องเย็บถุงมือให้ได้ 30 โหล ในแต่ละวันทุกคนจะต้องทำถุงมือให้ได้ 200 โหลขึ้นไป ถ้าทำไม่ได้ จะถูกหักเงินรายสัปดาห์

ด.ญ.แดง กล่าวอีกว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ตนเย็บถุงมือได้เพียง 40 โหล ขาดไป 15 โหล ถูกนายจ้างเอาไม้ไผ่ตีหลังและขา 15 ที บางครั้งเมื่อเด็กในโรงงานนั่งหลับใน จะถูกด้ามไขควงเคาะหัวเพื่อให้ตื่นมาทำงานต่อ สำหรับค่าจ้างที่พวกตนจะได้เป็นเงินอาทิตย์ อาทิตย์ละ 200-300 บาท ผิดกับที่นายหน้าที่พามาบอกว่าจะได้เดือนละ 5,000 บาท


"อ้าง เคยตีเด็กแค่ครั้งเดียว"


ต่อมาทางเจ้าหน้าที่เรียกตัวนายสมศักดิ์ ตั้งมงคลธรรม อายุ 35 ปี นายสมพงษ์ ตั้งมงคลธรรม อายุ 34 ปี น.ส.รุ่งวรรณ ตั้งมงคลธรรม อายุ 33 ปี และน.ส.สุรีย์ ลิมป์คุ้มธรณี อายุ 35 ปี ที่ร่วมกันเป็นเจ้าของและผู้ดูแล ก่อนจับกุมส่งตัวพนักงานสอบสวน บก.ปดส. ดำเนินคดี นายสมศักดิ์ ให้การว่า พวกตนทั้งหมดเป็นพี่น้องกัน ก่อนหน้านี้เคยเปิดร้านซื้อขายเศษด้ายอยู่ในซ.สุขสวัสดิ์ 14 เขตจอมทอง ต่อมาย้ายมาเปิดเป็นโรงงานรับตัดเย็บถุงมือดังกล่าว มีญาติพี่น้องเป็นหุ้นส่วน ส่วนเด็กผู้หญิงชาวลาวที่จ้างมาทำงานนั้นจะมีนายเชื่อม ไม่ทราบนามสกุล เป็นนายหน้าพาแรงงานมาให้โดยนั่งรถแท็กซี่มากันเอง แต่ละคนที่มานั้นไม่มีเอกสารใดๆ เมื่อสอบถามบอกว่าอายุ 15-16 ปีแล้วจึงรับเข้าทำงานให้ค่าจ้างเดือนละ 5,000 บาท แต่ต้องหักค่ากินอยู่ไปครึ่งหนึ่ง ส่วนเรื่องกักขังและทำร้ายเด็กนั้นไม่เป็นความจริงตามที่ถูกกล่าวหา มีแค่ตีเด็กไปครั้งเดียวเท่านั้น


"โดนหนักหลายข้อหา"


เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหานายจ้างทั้งหมด ร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวซึ่งรู้ว่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุม ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังซึ่งเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ไม่ว่าเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ร่วมกันเป็นนายจ้างใช้แรงงานเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เป็นลูกจ้าง และทำร้ายร่างกาย ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการป้องกันปราบปรามการค้าหญิงและเด็ก พ.ศ.2540 พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ก่อนจะส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

ส่วนเด็กทั้งหมดมอบให้เจ้าหน้าที่บ้านเกร็ดตระการ และมูลนิธิผู้หญิงเป็นผู้ดูแลโดยจะนำตัวไปพักฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจที่บ้านเกร็ดตระการ ก่อนจะประสานสถานทูตลาวส่งตัวกลับประเทศต่อไป


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์