ร้องปวีณาลูกสาวใบ้ผูกคอตายในโรงเรียนมีเงื่อนงำ

คมชัดลึก : ผู้ปกครองนักเรียนสาวใบ้ผูกคอตายในโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดขอนแก่น ร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ แม้ศพลูกสาวจะถูกเผาไปแล้ว แต่ยังคาใจเชื่อมีเงื่อนงำ หลังเห็นคลิปที่ลูกสาวถูกรุมตบในโรงเรียน


เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 3 มีนาคม ที่มูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี นางสมปอง ภูมิภูเขียว อายุ 50 ปี พร้อมด้วยนายสำรวย ภูมิภูเขียว อายุ 51 ปี

อยู่บ้านเลขที่ 128 หมู่ 10 ต.หนองเขียว อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี กรณีที่บุตรสาวของตนเอง ซึ่งเป็นผู้พิการทางหูมาตั้งแต่กำเนิด เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำภายในโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดขอนแก่น แต่ผู้บริหารของโรงเรียนปกปิดข้อเท็จจริง จึงอยากให้มูลนิธิช่วยเหลือด้วย
 
นางสมปองกล่าวว่า ได้ส่งลูกสาวชื่อ น.ส.อำภา ภูมิภูเขียว ไปเรียนที่โรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ โดยส่งตัวไปเรียนตั้งแต่อายุได้ 9 ขวบ ลูกสาวจะกลับมาบ้านก็เฉพาะในช่วงปิดภาคเรียนเนื่องจากโรงเรียนอยู่ห่างจากบ้านเป็นระยะทางไกลถึงราว 100 กม.
 
ต่อมาเมื่อช่วงเย็นวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา อาจารย์ประจำชั้นของบุตรสาว

ได้โทรศัพท์มาหาโดยอาจารย์ได้สอบถามว่าบุตรสาวของตนเดินทางกลับมาถึงบ้านพักหรือยัง จึงนึกฉงนใจ เพราะปกติแล้วบุตรสาวจะไม่เคยกลับบ้านเองโดยลำพัง จึงถามอาจารย์คนดังกล่าวว่า บุตรสาวจะกลับมาบ้านได้อย่างไร เพราะยังไม่ได้สอบ หรือยังไม่ปิดเรียน และบุตรสาวก็ไม่มีเงินจะเดินทางมาด้วย ซึ่งอาจารย์ได้ตอบกลับมาว่า สงสัยบุตรสาวของตนคงจะยืมเงินจากเพื่อนๆ เป็นค่าเดินทาง จากนั้นก็วางสายไป
 
นางสมปองกล่าวต่อไปว่า ด้วยความเป็นห่วงบุตรสาวได้พยายามโทรศัพท์ไปยังมือถือของบุตรสาว แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้

จึงให้บุตรสาวอีกคนพาไปรอที่ทางเข้าบ้านจนถึงเวลาประมาณ 20.00 น. ก็ไม่พบว่าบุตรสาวจะเดินทางมาแต่อย่างใด จากนั้นจึงโทรศัพท์กลับไปหาอาจารย์คนเดิมอีกครั้ง ก็ได้รับแจ้งว่าให้รีบมาที่โรงเรียนโดยด่วน ตนสอบถามว่ามีเรื่องอะไร อาจารย์คนนั้นก็ไม่ยอมบอก บอกแต่เพียงว่ามาถึงแล้วจะแจ้งให้ทราบ


จากนั้นตนและญาติๆ ได้ว่าจ้างรถยนต์เดินทางไปยังโรงเรียน เมื่อไปถึงแล้วก็พบนายชนะ โนนทนวงษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดขอนแก่น นายชนะบอกว่า ให้ทำใจดีๆ

ตอนนี้ น.ส.อำภา บุตรสาว ได้ผูกคอตายในห้องน้ำของโรงเรียน นายชนะยังพูดอีกว่าเด็กผูกคอตายเอง ก็ขอให้เรื่องจบๆ ไปตรงนี้ ไม่อยากให้เรื่องยืดเยื้อ อย่าให้คนคนเดียวมาทำให้คนหมู่มากต้องเดือดร้อน นางสมปองกล่าวอีกว่า ตอนนั้นยังไม่เห็นศพลูกสาวเพราะส่งโรงพยาบาลไปแล้ว ตนยังคิดว่าลูกสาวอาจจะผูกคอตายเอง ถ้าแบบนั้นก็ไม่ติดใจอะไร แต่ในใจลึกๆ แล้วไม่เชื่อแน่ว่าลูกสาวผูกคอตายเองเพราะลูกสาวไม่ใช่คนที่คิดมาก เป็นคนร่าเริงไม่เคยมีวี่แววใดๆ เลยว่าจะผูกคอตาย 
 
"ต่อมาในวันรุ่งขึ้น ฉันและญาติๆ ไปรับศพบุตรสาวจากโรงพยาบาล นายชนะมาบอกว่ามีจดหมายลาตายของลูกสาวด้วย พร้อมทั้งแสดงให้ดูว่ามีจดหมายจริงๆ แต่เมื่อฉันและญาติๆ ขอดูกลับไม่ยอมให้ดู พอจะขอคุยกับเพื่อนๆ ลูกสาว ก็ยังถูกกีดกันไม่ยอมให้พูดคุยด้วย แต่ก็แอบคุยกับเพื่อนลูกสาวคนหนึ่ง โดยเพื่อนของเขาบอกเพียงว่า ไม่ได้ผูกคอตายเอง แต่ยังไม่ทันคุยกันมาก ก็มีอาจารย์มากันตัวออกไป เมื่อรับศพบุตรสาวกลับไปทำพิธีที่วัด ทางโรงเรียนก็นำเงินมาช่วยจำนวน 2 หมื่นบาท แล้วยังช่วยจัดทำพิธีศพต่างๆ ทุกอย่าง และเร่งให้เผาศพลูกสาว โดยทำพิธีสวดศพเพียงวันเดียว ก็เผาศพเลย" นางสมปองกล่าว
 
นางสมปองกล่าวอีกว่า หลังจากเผาศพไปแล้ว ก็มีเพื่อนๆ บ้านมาบอกว่า มีข่าวเรื่องนักเรียนในโรงเรียนโสตศึกษาถูกรุมตบรุมทำร้าย และถูกถ่ายคลิปไว้


โดยคลิปนั้นก็มีเป็นข่าวออกทีวี ตนจึงขอดูคลิปนั้น ก็พบว่าผู้ที่ถูกรุมทำร้ายเป็นลูกสาวตัวเอง เพราะจำเสื้อผ้าที่ซื้อให้ได้ และกลุ่มคนที่รุมตบรุมทำร้ายลูกสาว ก็เป็นเพื่อนๆ ของเขาในโรงเรียนนั่นเอง ตนจำได้ เพราะเคยไปหาบุตรสาวและยังเจอเพื่อนๆ ของเขาด้วย และห้องในภาพนั้น ก็เป็นห้องนอนในโรงเรียนของบุตรสาวเอง 
 
นางสมปองกล่าวด้วยว่า เมื่อเห็นคลิปนั้น ก็คิดว่าที่บุตรสาวผูกคอตาย คงไม่ใช่แน่ๆ เพราะทราบว่าก่อนบุตรสาวผูกคอตายในวันดังกล่าว ถูกเพื่อนๆ ในโรงเรียนรุมทำร้ายเพียงวันเดียว

และอีกอย่างโรงเรียนก็พยายามปกปิด และไม่ยอดแจ้งให้ทราบว่าบุตรสาวถูกทำร้าย จนเมื่อเห็นคลิปภาพดังกล่าว จึงแน่ใจว่าสาเหตุการเสียชีวิตของบุตรสาว ต้องมีเงื่อนงำอย่างแน่นอน จึงมาขอความช่วยเหลือต่อนางปวีณา หงสกุล ด้านนางปวีณากล่าวว่า ในเบื้องต้นได้รับเรื่องร้องทุกข์ดังกล่าวไว้เพื่อตรวจสอบแล้ว โดยจะได้ประสานงานไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น และผู้กำกับ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อขอทราบรายละเอียด อีกทั้งยังจะต้องประสานงานไปยังกระทรวงศึกษาธิการ ในการเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ โดยจะให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย โดยจะเร่งรัดดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์