แท็กซี่หนุ่มใหญ่วัย 41 ปี หลงรักสาวคราวลูกวัย 14 ปีไม่สมหวังเพราะแม่เด็กกีดกัน ก่อเหตุสยองจ่อยิงด.ญ. ดับ ก่อนใช้ปืนระเบิดขมับตัวเองตายตาม
แม่ด.ญ.เผยมือยิงเป็นเพื่อนสามีใหม่ มาอยู่ด้วยกันที่บ้าน ต่อมาสังเกตเห็นชอบพอสนิทสนมกับลูกสาว เลยขอให้เลิกคบเพราะลูกสาวยังเด็ก ก่อนเกิดเหตุลูกสาวเดินไปเข้าห้องน้ำ แท็กซี่รักคุดเดินตามไปก่อนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ออกไปดูก็พบทั้ง 2 คนจมกองเลือด ตร.ค้นพบไดอารี่ในรถแท็กซี่ของคนตาย เขียนข้อความถูกแม่ด.ญ.หลอกให้ดาวน์รถแท็กซี่มารับส่งลูกสาว โดย สัญญาว่าจะยกลูกให้ แต่พอชอบพอกัน กลับกีดกัน เพราะเลิกกับเพื่อนตัวเองแล้ว แถมยังพยายามขับไล่ไสส่ง จึงตัดสินใจใช้ปืนตัดสินปัญหา
แท็กซี่วัย41-ยิงดับ ดญ.รุ่นลูก ชนวนรักคุด-ฆ่าตัวตาม!
โชเฟอร์แท็กซี่ยิงตัวตายหลังก่อเหตุฆ่า ด.ญ.มัลลิกา คณาวงษ์
อายุ 14 ปี ลูกเลี้ยงของเพื่อน โดยเขียน
จ.ม.ระบุถูกแม่เด็กกีดกันความรัก
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 27 ก.พ. พ.ต.ท.อภิชาติ ศรีทองกุล สว.เวร สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม รับแจ้งเหตุยิงกันตายที่บ้านเลขที่ 37 หมู่ 4 ต.สำโรง อ.นครชัยศรี จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
แล้วพร้อมด้วยพ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุนทรลาภ ผกก. พ.ต.ท. ประทีป พันธ์หว้า รองผกก.สส. ร่วมเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมแพทย์เวร ร.พ.นครชัยศรี และมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว หน้าห้องน้ำด้านหลังบ้านพบรอยเลือดกองโต ห่างไปประมาณ 5 เมตร ที่ลานดินพบศพ นายวิชัย กาญจนะประดิษฐ์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96 หมู่ 17 ต.บ่อสุพรรณ อ.สองพี่ น้อง จ.สุพรรณบุรี นอนเสียชีวิตจมกองเลือด ผู้ตายสวมกางเกงขายาวสีครีม เสื้อเชิ้ตสีฟ้า มีบาดแผลถูกยิงที่ขมับขวาทะลุซ้าย 1 นัด ข้างตัวพบอาวุธปืนลูกโม่ไทยประดิษฐ์ขนาด .38 ตกอยู่ 1 กระบอก และที่หน้าบ้านพบรถแท็กซี่ สีฟ้า ทะเบียน ทม-2391 กทม.ของผู้ตายจอดอยู่ และยังทราบจากชาวบ้านว่ามีผู้บาดเจ็บจากอาวุธปืนอีก 1 คน เป็นเด็กหญิงลูกของเจ้าของบ้านถูกนำส่งร.พ.ห้วยพลูนครชัยศรี
จากนั้นเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่ร.พ. ทราบว่าผู้บาดเจ็บเสียชีวิตแล้วก่อนจะถึงร.พ. ทราบชื่อคือ ด.ญ.มัลลิกา หรือแนน คณาวงษ์ อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนภัทรญาณ อ.นครชัยศรี มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด .38 ที่หน้าอกซ้าย 1 นัด
ด้านหน้าห้องเก็บศพ มีนางภัทรกร คณาวงษ์ อายุ 38 ปี มารดาของด.ญ.มัลลิกา และนางจำเนียร เนโส อายุ 71 ปี ยายของเด็ก นั่งร้องไห้ปิ่มขาดใจ นางภัทรกร ให้การว่าตนเองมีอาชีพขายลูกชิ้นทอดอยู่ที่แยกตลาดท่านา อ.นครชัยศรี สำหรับบ้านหลังที่เกิดเหตุอยู่ด้วยกัน 4 คน ก่อนเกิดเหตุในช่วงเช้า ตน นางจำเนียรอยู่ด้านหน้าบ้าน ส่วนบุตรสาวนั้นนั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ในบ้านรอไปสอบที่โรงเรียน และนายวิชัยซึ่งเป็นเพื่อนกับสามีใหม่นั่งทานข้าวอยู่ในครัว จากนั้นบุตรสาวเกิดปวดปัสสาวะเดินออกประตูหลังบ้านจะไปเข้าห้องน้ำ นายวิชัยได้ลุกขึ้นเดินตามไป จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด ตนและนางจำเนียรจึงวิ่งมาดูก็เห็นลูกสาวนอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดอยู่หน้าห้องน้ำ ส่วนนายวิชัย นอนตายจมกองเลือด จึงช่วยกันนำบุตรสาวส่งร.พ. แต่ก็เสียชีวิตระหว่างทาง
นางภัทรกร ให้การต่อไปว่า สำหรับนายวิชัยเป็นเพื่อนกับสามีใหม่ ที่อยู่กินกันมาได้ปีกว่าและเลิกรากันไปแล้ว
ในช่วงที่สามีใหม่มาอยู่ที่บ้าน นายวิชัยก็ได้ตามมาอยู่ด้วย ในช่วงแรกนายวิชัยยังไม่ได้ทำงาน แต่มาอยู่ได้ระยะหนึ่งก็ไปหาเช่ารถแท็กซี่มาวิ่งหารายได้ช่วยเหลือครอบครัว และช่วยเรื่องค่าเล่าเรียน ด.ญ. มัลลิกาด้วย ทุกวันนายวิชัยจะขับรถแท็กซี่ไปส่งด.ญ. มัลลิกาที่โรงเรียน ส่วนช่วงเย็นก็จะขับไปรับกลับบ้าน ซึ่งตนเองก็ไม่ขัดข้องเพราะเข้าใจว่านายวิชัยเอ็นดูและเป็นห่วงลูกสาว นางภัทรกรกล่าวว่า ต่อมาสังเกตเห็นว่านายวิชัยสนิทสนมกับด.ญ.มัลลิกา มากจนผิดสังเกต วันหยุดเรียนก็จะชวนด.ญ.มัลลิกาไปเที่ยวไหนต่อไหน ตน และนางจำเนียรจึงเรียกนายวิชัยมาสอบถาม ก็ยอมรับว่าชอบพอกับด.ญ.มัลลิกา พวกตนจึงเตือนไปว่าด.ญ. มัลลิกายังเป็นเด็ก ยังเรียนหนังสือไม่จบ ขอให้เลิกคบกันก่อน รอให้บุตรสาวเรียนจบก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน ซึ่งนายวิชัยก็รับฟังแต่ไม่ได้พูดอะไร
นางภัทรกร กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ด.ญ. มัลลิกา มาขออนุญาตว่าในวันนี้ หลังสอบเสร็จเพื่อนๆจะชวนกันไปเที่ยว
ด้วยความระแวงว่าบุตรสาวจะนัดกับนายวิชัยไปเที่ยวกันจึงไม่อนุญาตให้ไป เช้าวันนี้ก่อนเกิดเหตุตนและนางจำเนียรก็จับตาเฝ้าดูพฤติกรรมของบุตรสาวกับนายวิชัยอีก เพราะไม่อยากให้ไปด้วยกัน ทำให้นายวิชัยเข้าใจว่าพวกตนกีดกันความรัก และอาจจะนัดแนะกับด.ญ.มัลลิกาก่อนแล้ว ที่จะยิงบุตรสาวตายแล้วยิงตัวตายตาม ต่อมาเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่บ้านที่เกิดเหตุ อีกครั้ง และเข้าตรวจค้นรถแท็กซี่ สีฟ้า ทะเบียน ทม.2391 กทม.ของนายวิชัย พบสมุดไดอารี่เล่มหนึ่ง ซึ่งนายวิชัยเขียนบันทึกความในใจไว้ 4-5 หน้า ใจความโดยรวมเขียนต่อว่านางภัทรกร ว่าเป็นคนชักชวนให้ตนมาอยู่ที่บ้านหลังนี้และบอกว่าจะยกบุตรสาวให้ในอีก 7 ปีข้างหน้ารอให้เรียนจบก่อน และหลอกให้ช่วยดาวน์รถแท็กซี่เพื่อมารับส่งลูกสาว แต่พอลูกสาวชอบพอและใกล้ชิดก็มากีดกัน เพราะเลิกกับสามีซึ่งเป็นเพื่อนกับตน พยายามขับไสไล่ส่งตนให้ออกจากบ้าน ทำให้หมดความอดทน ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจากนางภัทรกรแต่ผู้เดียว เจ้าหน้าที่จึงเก็บเป็นหลักฐาน พร้อมกับนำศพนายวิชัยส่งสถาบันนิติเวช เพื่อผ่าพิสูจน์อย่างเป็นทางการ ก่อนที่จะติดต่อญาติมารับศพต่อไป