เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 ก.พ. พ.ต.อ.สมิท เชิงสะอาด ผกก.สน.วังทองหลาง พ.ต.ท.นิวัฒน์ อุทัยศรี สว.สส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.วังทองหลาง
ร่วมกับนางวาสนา รักสกุล หน.ศูนย์ประสานการปราบปรามผู้เป็นภัยต่อคนหางาน กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน จับกุมตัวนายเมธิชัย ธรรมคุตต์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100/12 ม.3 แขวงบึงรำอ้อ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 86/2552 ลงวันที่ 13 ม.ค.2552 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันจัดหางานให้คนงานไปทำงานต่างประเทศ โดยไม่ได้รับอนุญาต จากนายทะเบียนจัดหางานกลาง หลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงดังกล่าวเป็นไปได้ซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่หน้าบริษัท เจ เอ็ม พี โคเรียล จำกัด เลขที่ 200/114 ถ.แจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ นอกจากนี้ ยังได้จับกุมตัวนางพิมพ์อร มอญกระโทก ซึ่งอ้างเป็นเจ้าของบริษัทดังกล่าว พร้อมด้วยพนักงานอีก 2 ราย มาสอบสวนที่สน.วังทองหลาง
พ.ต.อ.สมิทเปิดเผยว่า เนื่องมาจากเมื่อราวเดือนต.ค.-พ.ย.ปี"51 ผู้เสียหายจำนวน 73 ราย เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง
ว่าถูกผู้ต้องหาทั้งหมดซึ่งเปิดบริษัทจัดหางานชื่อว่า บ.ดองฮง เทสติ้ง จำกัด ในซอยลาดพร้าว 94 หลอกลวงว่าสามารถจัดการให้เดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีได้ เพราะนางพิมพ์อรมีแฟนเป็นเจ้าหน้าที่ตม.ของเกาหลี แต่จะต้องเสียค่านายหน้ารายละ 1.8-2 แสนบาท เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจะถูกพาไปดำเนินการวีซ่าที่สถานทูตเกาหลีเพื่อสร้างความเชื่อมั่น และเมื่อเอกสารพร้อมก็จะนัดวันที่จะเดินทาง โดยจะพาผู้เสียหายไปปล่อยให้รออยู่ตามโรงแรม อ้างว่าจะจัดรถมารับไปขึ้นเครื่องพร้อมกัน จากนั้นทั้งหมดจะพากันปิดบริษัทหอบเงินหลบหนีไป โดยในส่วนของสน.วังทองหลาง คิดเป็นความเสียหาย 17 ล้านบาท
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนทราบว่า นายเมธิชัยเป็นตัวการสำคัญในคดีดังกล่าว
จากการตรวจสอบประวัติพบว่าเคยถูกตำรวจปดส.จับกุมในข้อหาฉ้อโกงมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งก็จะใช้วิธีหลบหนีประกันออกมาก่อเหตุซ้ำอีก นอกจากนี้ เท่าที่ตรวจพบขณะนี้ยังพบว่านายเมธิชัย ได้มีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลถึง 16 ครั้ง และยังเอารูปตนเองไปปลอมแปลงชื่อเป็นบุคคลอื่นอีก จึงได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่จากกระทรวงแรงงาน เพื่อติดตามจับกุมตัว
ด้านนางวาสนา กล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้ทางกระทรวงแรงงานได้จับตาดูมาเป็นเวลานานแล้ว เพราะมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเอาไว้หลายร้อยราย ทั้งที่ปดส. กองปราบปราม และตามสน.และสภ.ต่างๆ ในภาคอีสาน ซึ่งคิดเป็นความเสียหายร่วม 100 ล้านบาท