จับแก๊งมาเฟียโลก เกาะสมุยฮุบที่ดิน-ฟอกเงิน

"ดีเอสไอ"บุกค้น7จุดเครือข่าย"แบนดิโดส"ป่วนทั่วยุโรป-เอเชียรวบ2หัวโจกผู้ดี-ไทย1

ข้ามชาติ- ดีเอสไอร่วมกับตม.พัทยาจับกุมนายคริสปิน จอห์น แกรนลิลล์ ชาวเดนมาร์ก สมาชิกแก๊ง"แบนดิโดส"มาเฟียข้ามชาติรายใหญ่ ก่อคดีกรรโชกทรัพย์และรุกที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ฯ พร้อมกับยกกำลังอีกสายบุกกวาดล้างเครือข่ายเดียวกันนี้ที่เกาะสมุย



จับแก๊งมาเฟียข้ามโลก ดีเอสไอนำคอมมานโดนับร้อยขึ้นเกาะสมุย ปฏิบัติการเช้ามืดค้น 7 จุด ล่าจับ 7

มาเฟียแก๊งแบนดิโดส รวบ 2 หัวโจกชาวอังกฤษและคนไทยอีกราย ยึดเอกสารหลักฐานการโอนเงินหลายพันล้านบาท เผยเข้ามายึดเกาะสมุยเป็นแหล่งฟอกเงิน ร่วมกันกระทำผิดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ร้านอาหาร สถานบันเทิงและธุรกิจท่องเที่ยว แฉมีเครือข่ายอยู่ในประเทศแคนาดา เดนมาร์ก ออสเตรเลีย อเมริกา อินโดนีเซีย อินเดีย มาเลเซีย และไทย


เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 18 ก.ค. พ.ต.อ.ดุษฏี อารยะวุฒิ ผบช.

สำนักเทคโนโลยีข้อมูลและการตรวจสอบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นำกำลังพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับหน่วยคอมมานโด กองปราบปราม ตำรวจท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) กว่า 100 นาย ออกเดินทางจากท่าเรือจ.สุราษฎร์ธานี



เข้าปฏิบัติการในพื้นที่เกาะสมุย เพื่อจับกุมมาเฟียต่างชาติ คือแก๊งแบนดิโดส (Bandidos)

ซึ่งมีพฤติกรรมเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร กรรโชกทรัพย์ และจ่ายสินบนให้เจ้าพนักงานเพื่อออกเอกสารสิทธิอันมิชอบโดยกลุ่มผู้ต้องหาที่ศาลอาญาอนุมัติหมายจับ 7 คน ประกอบด้วยนายปีเตอร์ วัตคิน โจนส์ อายุ 40 ปี สัญชาติอังกฤษ, นายปีเตอร์ โรเซนเบิร์ก อายุ 35 ปี สัญชาติเดนมาร์ก, นายคิม ลินการ์ด นีลสัน อายุ 36 ปี สัญชาติเดนมาร์ก, นายคริสปิน เพทอน สมิทธิ อายุ 43 ปี สัญชาติอังกฤษ, นายประมวล สมวงศ์ เจ้าพนักงานที่ดิน, นายสำเริง บัวนาค และนายประทีป เมืองแก้ว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดจู่โจมตรวจค้นและจับกุมเดินทางถึงเกาะสมุยเมื่อเวลา 05.45 น.

จากนั้นได้กระจายกำลังตรวจค้นพร้อมกัน 10 จุด โดยชุดแรกเข้าจับกุมนายปีเตอร์ วัตคิน โจนส์ ผู้ต้องหาที่ 1 และจับกุมตัวได้ที่บ้านพักเลขที่ 71/5 ม.5 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย ชุดที่ 2 เข้าตรวจค้นบ้านนายปีเตอร์ โรเซนเบิร์ก ผู้ต้องหาที่ 2 แต่ไม่พบตัว เนื่องจากผู้ต้องหาเดินทางไปประเทศเดนมาร์ก ชุดที่ 3 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 14/23 ต.บางปอ ซึ่งเป็นของนายคิม ผู้ต้องหาที่ 3 โดยบ้านหลังดังกล่าวตั้งอยู่บนเขาบางปอ ก่อสร้างเป็นบ้าน 4 ชั้น สไตล์คาริเบียน ประกาศขายในหนังสือท่องเที่ยวราคา 40 ล้านบาท แต่ไม่พบตัว


สำหรับชุดตรวจค้นที่ 4 เข้าตรวจค้นบ้านนายคริสปิน เพทอน สมิธ แต่ไม่พบตัว

ชุดตรวจค้นที่ 5 เข้าจับกุมนายประมวล สมวงศ์ เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดิน ผู้ต้องหาที่ 5 ได้ที่บ้านพัก ชุดตรวจค้นที่ 6 เข้าตรวจค้นบ้านนายสำเริง หรือเกษม บัวนาค ผู้ต้องหาที่ 6 นายหน้าขายที่ดิน ซึ่งมีพฤติกรรมเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เกาะสมุย แต่ไม่พบตัว ทราบข่าวจากญาติว่า นายสำเริงเดินทางไปประเทศสิงคโปร์


ส่วนชุดตรวจค้นที่ 7 เข้าตรวจค้นบ้านนายประทีป เมืองแก้ว แต่ไม่พบตัวผู้ต้องหา

สำหรับจุดตรวจค้นส่วนที่เหลือเป็นการนำกำลังเข้าค้นกิจการอสังหาริมทรัพย์ของผู้ต้องหา

รวมทั้งผับที่ผู้ต้องหาได้เข้าครอบครองกิจการหลังกรรโชกทรัพย์จากนายนีล แพททริก วิลเลี่ยม นักธุรกิจชาวอังกฤษ ทั้งนี้จากการตรวจค้นสามารถยึดเอกสารหลักฐานบ่งชี้ถึงการโอนเงินจำนวนหลายพันล้านบาท แต่ไม่มีการชำระภาษีให้กับทางการไทย เพราะบริษัทต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นทำบัญชีขาดทุน หรือได้กำไรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ต่อมาเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เดินทางมาตรวจสอบหลักฐาน สภาพบ้านพักที่มีการบุกรุกเข้าครอบครองพื้นที่สาธารณประโยชน์บนภูเขาสูง เพื่อประสานให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิไม่ชอบบนเขาบางปอทุกแปลง เนื่องจากเป็นพื้นที่ลาดชันเกิน 35 องศา ซึ่งกฎหมายไม่อนุญาตให้ออกเอกสารสิทธิ และร่วมสอบปากคำภรรยาของนายคิม ผู้ต้องหาที่ 3

พล.ต.อ.สมบัติ แถลงผลการจับกุมว่า ทางกรมได้รับประสานจากสถานทูตอังกฤษ เดนมาร์กและสวีเดน


ว่ามีกลุ่มองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติชื่อ "กลุ่มแบนดิโดส" ที่มีเครือข่ายทั่วโลกมีพฤติกรรมเกี่ยวกับค้ายาเสพติด กรรโชกทรัพย์ ค้ามนุษย์ ค้าอาวุธเถื่อนและฟอกเงิน ฯลฯ โดยแก๊งแบนดิโดส สาขาเกาะสมุย ได้ร่วมมือกับแก๊งมาเฟียอังกฤษ สร้างอิทธิพลร่วมกันกระทำผิดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ร้านอาหาร สถานบันเทิงและธุรกิจท่องเที่ยว ในอ.เกาะสมุย

นอกจากนี้ยังได้รับการร้องเรียนจากนายนีล แพททริก วิลเลี่ยม นักธุรกิจชาวอังกฤษ ซึ่งถูกกลุ่มผู้ต้องหากรรโชกทรัพย์และข่มขู่จะฆ่า จนต้องยอมยกกิจการ "สมุยบันจี้จัมพ์" ให้กับผู้ต้องหา เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2548 คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) จึงมีมติให้รับโอนคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ ทั้งนี้


จากการส่งสายสืบเข้าแฝงตัวสอบสวนรวบรวมหลักฐานกว่า 6 เดือน พบว่า กลุ่มผู้ต้องหาชาวต่างชาติเป็นสมาชิกแก๊งแบนดิโดส มีเครือข่ายอยู่ในกรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต และสมุย มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมระหว่างประเทศ ใช้พื้นที่ประเทศไทยเป็นแหล่งฟอกเงิน ค้ายาเสพติด และยังร่วมมือกับผู้ต้องหาชาวไทย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐนำเอกสาร สค.1

จากพื้นที่อื่นมาใช้ออกเอกสารสิทธิทับที่ดินสาธารณะบนเกาะสมุย ส่งผลให้มีการพัฒนาที่ดินและก่อสร้างบ้านจัดสรรขายให้กับชาวต่างชาติ โดยตกลงทำสัญญาซื้อขายในต่างประเทศ ทำให้หน่วยราชการไทยไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้


"มีการแบ่งหน้าที่กันทำงานโดยให้แก๊งแบนดิโดส สาขาเกาะสมุยทำหน้าที่สร้างอิทธิพล ข่มขู่ กรรโชกทรัพย์ รักษาผลประโยชน์ของแก๊งต่างชาติบนเกาะสมุย และมีหน้าที่ประสานให้สินบนเจ้าพนักงานเพื่ออำนวยความสะดวก ส่วนแก๊งมาเฟียอังกฤษเป็นผู้ดำเนินการด้านการฟอกเงินโดยใช้ธุรกิจที่เปิดบังหน้า และเชื่อว่านำเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดมาฟอกในธุรกิจดังกล่าว" พล.ต.อ.สมบัติ กล่าว

นอกจากนี้การสืบสวนยังพบว่ามีคนไทยอีกส่วนหนึ่งที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทนายความ และเอกชน ร่วมกระทำผิดด้วย ซึ่งจะจับกุมตัวต่อไป โดยเฉพาะทนายความคนไทยที่ดำเนินการขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จะประสานกับสมาคมทนายดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด

"ทางกรมจะประสานกับสำนักงาน ปปง. เพื่อดำเนินตามกฎหมายฟอกเงินด้วย และขณะนี้กำลังสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดที่บุกรุกที่ดินของรัฐในพื้นที่ อ.เกาะสมุย โดยมิชอบด้วยกฎหมายรวมทั้งสิ้น 7 คดีด้วย" พล.ต.อ.สมบัติ กล่าว



วันเดียวกัน ที่พรรคไทยรักไทย พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกฯ และรมว.ยุติธรรม กล่าวถึงมาเฟียต่างชาติเข้ามาถือหุ้นและขายที่ดินที่เกาะสมุยว่า เป็นคดีพิเศษที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ดีเอสไอดูแลพิเศษ ขณะนี้ได้จับกุมบ้างแล้ว และมีรองผบ.ตร.จากนอร์เวย์ หรือสวีเดนเข้ามาร่วมทำงานเป็นเครือข่ายร่วมกัน




แหล่งที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์