สยองวันวาเลนไทน์ แม่เครียดปัญหาครอบครัว สามีป่วยเป็นโรคไซนัสขึ้นสมองช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตัดสินใจหอบลูกน้อย 2 คน ชาย-หญิง จากกรุงเทพฯ กลับมาอยู่บ้านเมืองคอน สุดท้ายทนความเครียดไม่ไหว ย่องไปเอาอาวุธปืน .38 ของน้องชาย มาจ่อยิงลูกอาการสาหัส ก่อนจะหันปากกระบอกปืนมาจ่อขมับตัวเองฆ่าตัวตายสยอง แพทย์เผยอาการเด็กไม่ดีขึ้น เพราะลูกปืนทำลายเนื้อสมอง อาการขั้นวิกฤตทั้งคู่
เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 14 ก.พ. ร.ต.ท.บรรจง สิทธิศักดิ์ ร้อยเวร สภ.ย่อยมหาชัย อ.เมืองนครศรีธรรม ราช รับแจ้งเหตุยิงกันตายที่บ้านเลขที่ 135 ม.1 ต.กำแพงเซา จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูดิศ นรสิงห์ ผกก.สภ.เมือง, พ.ต.ท.วินัย คงประพันธ์ สว.สส. นำกำ ลังตำรวจชุดสอบสวน แพทย์และมูลนิธิใต้เต็กตึ๊งรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เป็นบ้านปูนหลังใหญ่ 2 ชั้น มีบริเวณบ้านกั้นรั้วรอบขอบชิด เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบนห้องนอนชั้น 2 ของบ้าน พบศพนางสิโรรัตน์ น้ำดอก ไม้ อายุ 40 ปี อยู่บ้านที่เกิดเหตุ นอนหงายเสียชีวิตอยู่ภายในห้องนอน สภาพศพมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าที่ขมับขวา 1 นัด กระสุนทะลุท้ายทอย มันสมองไหลกระจาย เลือดนองบนที่นอนหลายจุด
ที่ใต้มือด้านซ้ายพบอาวุธปืนขนาด .38 ตกอยู่ โดยมีซองปืนตั้งอยู่เหนือศีรษะ และยังพบหัวกระสุน 2 หัว จึงเก็บเป็นหลักฐาน นอกจากนี้ ยังทราบว่ามีผู้บาดเจ็บอีก 2 คน เจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งร.พ.มหาราชแล้ว คือ ด.ญ.ปภัสสร อายุ 9 ขวบ และด.ช.อภิชัย น้ำดอกไม้ อายุ 3 ขวบ เป็นบุตรของนางสิโรรัตน์ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนชนิดเดียวกันเข้าที่ศีรษะอาการสาหัส
สอบสวบสวนทราบว่า นางสิโรรัตน์อยู่กินกับสามีคือนายปณิธาน น้ำดอกไม้ อายุ 42 ปี ก่อนหน้านี้อาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ โดยเปิดกิจการส่วนตัว ต่อมาช่วงหลังสามีป่วยเป็นโรคไซนัสขึ้นสมอง ต้องเข้ารับการรักษาผ่าตัดสมองหลายครั้ง จนกลายเป็นคนไม่ปกติ ไม่สามารถประกอบอาชีพใดๆ ได้ นางสิโรรัตน์จึงพาลูกทั้ง 2 คน กลับมาอยู่บ้านพ่อคือนายเวียง วรรณวาส อายุ 69 ปี ที่บ้านเกิดเหตุ โดยนางสิโรรัตน์ สมัครเป็นช่างเย็บผ้าทำงานอยู่หลังวัดเพชรจริก ต.ในเมือง อ.เมืองนครศรีธรรมราช และจะมีอาการเครียดตลอดเวลาเนื่องจากต้องเลี้ยงลูกทั้ง 2 ตามลำพัง ส่วนสามีนั้นอาศัยอยู่กับพี่ชายที่เปิดร้านจำหน่ายเครื่องไฟฟ้าในกรุงเทพฯ
ก่อนเกิดเหตุ นางสิโรรัตน์ กลับจากทำงานมาที่บ้านพักช่วงค่ำ หลังจากพาลูกทั้งสองคนเข้านอนบนห้องจนลูกหลับกันหมด นางสิโรรัตน์ออกจากห้องเข้าไปขโมยอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวในห้องนอนน้องชาย ก่อนกลับมาที่ห้องนอนอีกครั้ง แล้วใช้อาวุธปืนจ่อยิงลูกน้อยทั้งสองที่กำลังนอนหลับคนละ 1 นัด จากนั้นก็หันกระบอกปืนมาจ่อยิงขมับตัวเองจนเสียชีวิตคาที่ สำหรับสาเหตุตำรวจสันนิษฐานว่า นางสิโรรัตน์มีความเครียดในเรื่องปัญหาครอบครัวของตัวเอง ทำให้คิดไม่ตก คิดจะฆ่าตัวตายเพียงลำพังก็สงสารลูกที่ต้องเป็นภาระคนอื่น จึงตัดสินใจครั้งสุดท้ายโดยการจะฆ่าลูกทั้งสองแล้วฆ่าตัวตายเพื่อตัดปัญหา ปรากฏว่าลูกทั้งสองไม่เสียชีวิตแต่อาการสาหัส ส่วนตัวเองเสียชีวิตคาที่
หลังจากเจ้าหน้าที่ร่วมกันชันสูตรพลิกศพเสร็จแล้วจึงนำศพนางสิโรรัตน์ไปชันสูตรที่ร.พ.มหาราช อย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่กองวิทยาการ ภ.นครศรีธรรมราช ให้มาตรวจรายละเอียดที่เกิดเหตุเก็บหลักฐานเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง ซึ่งหลังจากชันสูตรพลิกศพเสร็จแล้วจึงมอบให้กับญาตินำไปจัดการบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
วันเดียวกัน น.พ.สมชาย นิ้มวัฒนากุล ผอ.รพ.มหา ราช จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยถึงอาการด.ญ.ปภัสสรและด.ช.อภิชัย ล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น. จากการติดตามล่าสุดพบว่าอาการด.ญ.ปภัสสรน่าเป็นห่วงมาก ยังอยู่ในสภาวะวิกฤต อาการไม่ดี ไม่สามารถตอบสนองใดๆ ได้ สัญญาณชีพจรอ่อนมาก เนื่องจากกระสุนปืนเจาะหน้าผากทะลุท้ายทอย เนื้อสมองส่วนใหญ่ตายหมดแล้ว แพทย์ประคับประคองอย่างเต็มที่และดูแลจนถึงที่สุด
ส่วนด.ช.อภิชัย หลังจากที่รับเข้ารักษาตัวแพทย์ได้นำตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที โดยถูกยิงเข้าบริเวณหน้าผากกระสุนทะลุขมับขวา อาการแรกรับนั้นวิกฤตเช่นกัน หลังจากการผ่าตัดแพทย์ได้ศัลยกรรมเนื้อสมองส่วนหน้าและข้างขวาออกไปปริมาณค่อนข้างมาก ร่างกายซีกขวาตอบสนองเล็กน้อย ส่วนซีกซ้ายไม่ตอบสนอง แนวโน้มของอาการนั้นไม่ดี ยอมรับว่าทั้งสองคนอยู่ในขั้นวิกฤตที่สุดแล้ว