วันนี้ (8 ก.พ.) เกิดเหตุไฟป่าครั้งรุนแรงในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย
พบมีผู้เสียชีวิตแล้ว 14 คน ใน 4 เมือง ของรัฐวิกตอเรีย ขณะที่ตำรวจคาดการณ์ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจสูงถึง 40 คน โดยรองผู้บัญชาการตำรวจ ประจำรัฐวิกตอเรีย กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงพยายามควบคุมไฟป่า หลายสิบจุดในพื้นที่บริเวณอุทยาน และตามแนวพุ่มไม้ ท่ามกลางคลื่นความร้อนที่ส่งผลให้สภาพอากาศมีอุณหภูมิสูงถึง 47 องศา ในช่วงสุดสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ไฟป่ายังเผาทำลายบ้านเรือนไป แล้วกว่า 100 หลัง ถือเป็นเหตุไฟป่าครั้งเลวร้ายที่สุดที่เคยเกิดกับรัฐวิกตอเรีย
ส่งผลให้ทางการออสเตรเลียต้องส่งเครื่องบินทิ้งน้ำลงไปในพื้นที่เกิดเหตุ ทั้งยังให้อาสาสมัครดับเพลิงหลายพันคน คอยเตรียมพร้อมรับมือหากสถานการณ์ที่อาจจะทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งตอนนี้ ทางการออสเตรเลียยังวิตกว่า กระแสลมจะทำให้ไฟป่ายิ่งแพร่ลาม
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังแนะนำประชาชนให้อยู่แต่ภายในบ้าน และคอยป้องกันทรัพย์สินของตนเอง
ท่ามกลางควันไฟที่ลอยฟุ้งในบางพื้นที่ ขณะเดียวกัน ยังมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงอีกหลายหมื่นคน พยายามควบคุมไฟป่าในอีก 2 รัฐ คือ นิวเซาท์เวลส์ และเซาท์ออสเตรเลีย แต่โชคดีที่ไฟป่าใน 2 รัฐดังกล่าว ยังอยู่ในพื้นที่จำกัด และเกิดห่างจากย่านพักอาศัยของประชาชน