วันนี้ (4 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 00.43 น. เกิดเหตุหญิงสาวนำศพทารกแรกเกิดมาทิ้งภายในเมรุวัดด่านสำโรง ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง
โดยพ.ต.ท.ธนินท์รัฐ วิชทิพยนานนท์ สารวัตรเวรสภ.สำโรงเหนือ สมุทรปราการ ได้รับแจ้งจาก นายสัญญา สังข์แก้ว อายุ 45 ปี กำนันตำบลสำโรงเหนือ จึงเดินทางไปตรวจสอบบนเมรุภายในวัด พบซากศพทารกแรก เกิดที่ใส่อยู่ภายในถุงพลาสติก ที่สวมทับด้วยถุงกระดาษสีฟ้า วางอยู่ภายในเตาเผาศพบนเมรุ โดยมีนายสัญญา ยืนคุมตัว น.ส.พิมชนก ดลประเสริฐ อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นคนหิ้วถุงใส่ซากเด็กทารกมาทิ้ง ที่เป้ากางเกงยังเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ตรวจสอบสภาพศพทารกคาดว่าน่าจะมีอายุครรภ์ ประมาณ 6-7 เดือน เพศชายอวัยวะครบ 32 มีสายรกติดอยู่ที่สะดือยาวประมาณ 1 ฟุต ตามร่างกายไม่พบบาดแผลการถูกทำร้ายแต่อย่างใด
ทั้งนี้ สารวัตรเวรสภ.สำโรงเหนือ กล่าวเพิ่มว่า จากการสอบสวน น.ส.พิมชนก ให้การว่า ทำงานอยู่ที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในย่านตลาดหนามแดง ต.สำโรงเหนือ
เคยอยู่กินกับนายกฤษฎา ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งทำงานอยู่ที่ร้านอาหารต้นหลิว ในย่านซอยซาลาน 34 เขตบางนา อยู่กินจนตั้งท้องได้ประมาณเดือนเศษ ต่อมาได้เกิดปากเสียงกันจึงได้แยกทางกันมาได้ประมาณ 2 เดือน ตนจึงได้ย้ายมาพักอยู่กับพี่สาวที่คอนโดกัญญาเฮ้าส์ ซอยแบริ่ง 34 ต.สำโรงเหนือ กระทั้งช่วงเย็นวันนี้ได้ออกมานั่งล้างจานอยู่ที่ระเบียงหลังห้อง และได้ยกถังขยะเพื่อจะเททิ้ง และเกิดปวดท้องลูกได้เกิดไหลออกมาพร้อมเลือด ด้วยความตกใจและหมดสติไป 2 ชั่วโมงฟื้นขึ้นมาได้สติพบว่าลูกที่ไหลออกมาได้เสียชีวิตแล้ว จึงได้คลานมาหยิบมีดมาตัดสายรก เอาศพลูกใส่ถุงพลาสติกสวมทับด้วยถุงกระดาษ ก่อนเปลี่ยนเสื้อผ้า และตัดสิ้นใจเดินหิ้วถุงที่ใส่ศพลูกมาทิ้งที่เตาเผาศพ ภายในวัดด่านสำโรง ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักประมาณ 500 เมตร ก่อนมีชาวบ้านมาพบเห็น
พ.ต.ท.ธนินท์รัฐ กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัว น.ส.พิมชนก ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ
เนื่องจากมีอาการตกเลือด และสอบปากคำเบื้องต้นเชื่อว่า น.ส.พิมชนก น่าจะแท้งลูกจริง แต่คงต้องรอผลชันสูตรของนิติเวชเสียก่อนว่าเด็กเสียชีวิตก่อนคลอด หรือคลอดออกมาแล้วถึงเสียชีวิต เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป