เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 1 ก.พ. ร.ต.ท.ปกรณ์ จุ่นเขียว ร้อยเวร สภ.เมืองสุพรรณบุรี
รับแจ้งจาก ด.ต.ชาตรี พลายสา หัวหน้าตู้สายตรวจตำบลโพธิ์พระยา ว่า มีคนร้ายพยายามงัดตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย หน้าที่ทำการ อบต. โพธิ์พระยา เลขที่ 9/5 หมู่ 3 ต.โพธิ์พระยา จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.วีระ บุตรโพธิ์ รอง ผบก.ภ.จ.สุพรรณบุรี พ.ต.อ. เกรียงไกร วุฒิพานิช ผกก. พ.ต.ท.สุมนตรี กรรเลขา รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ยุทธนา สันติปรีชาวัฒน์ สว.สส. ไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบตู้เอทีเอ็มมีร่องรอยถูกงัดนอตยึดฐานตู้ถูกคนร้ายใช้แก๊สตัดได้รับความเสียหาย แต่คนร้ายยกตู้ไปไม่ได้
ด.ต.ชาตรี พลายสา กล่าวว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ขณะนำกำลังออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบผ่านมาถึงจุดที่ตั้งตู้เอทีเอ็ม
ซึ่งมืดมากเนื่องจากไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง พบชาย 2 คนใช้รถปิกอัพโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์เทา ทะเบียน บน 8805 กาญจนบุรี เป็นพาหนะ ที่กระบะท้ายมีถังแก๊สพร้อมอุปกรณ์วางอยู่ 1 ในคนร้ายกำลังใช้แก๊สตัดและเจาะตู้เอทีเอ็ม จึงลงจากรถเพื่อเข้าไปจับกุม แต่คนร้ายที่นั่งอยู่ในรถซึ่งติดเครื่องรออยู่ได้เร่งเครื่องขับรถพุ่งเข้าชน จึงชักปืนประจำกายยิงสกัด กระสุนถูกตัวถังรถแต่คนร้ายไม่ยอมหยุด และขับหลบหนีไปได้ จึงรีบรายงานผู้บังคับบัญชาทราบพร้อมนำกำลังออกไล่ล่า
กระทั่งเวลา 08.20 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่พบรถปิกอัพคันดังกล่าวพร้อมถังแก๊สและอุปกรณ์ ถูกจอดทิ้งไว้ริมถนนสายโพธิ์พระยา-วังยาง
บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 75 หมู่ 5 ต.วังยาง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ห่างจุดเกิดเหตุ 3 กม. ตรวจสอบพบว่าที่กระบะท้ายและประตูด้านขวา มีรอยกระสุน 7 รู ล้อหน้าด้านขวาระเบิด ที่เบาะหลังมีเครื่องมืองัดแงะวางอยู่ จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ารถคันดังกล่าวมีชื่อ น.ส.นารี ปิ่นวงษ์เพชร อยู่บ้านเลขที่ 139 หมู่ 11 ต.ทุ่งลูกนก อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เป็นผู้เช่าซื้อ และรถติดไฟแนนซ์อยู่
พ.ต.อ.วีระ บุตรโพธิ์ รอง ผบก.ภ.จ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุมีไม่ต่ำกว่า 2 คน และเป็นมืออาชีพ
เตรียมอุปกรณ์ไว้ที่กระบะท้ายรถพร้อมใช้งานได้ทันที โดยใช้ผ้าใบปิดคลุมเอาไว้ ขับตระเวนออกหาเหยื่อไปเรื่อยๆ เมื่อสบโอกาสก็จะลงมือทันที แต่ครั้งนี้นับว่าโชคดี ที่ ด.ต.ชาตรีนำกำลังออกตรวจผ่านมาเจอ และสามารถป้องกันทรัพย์สินเอาไว้ได้ ขณะนี้ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี ประสานกับ สภ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เข้าตรวจสอบผู้ที่ครอบครองรถคันดังกล่าว และเชิญตัวมาสอบปากคำ พร้อมกันนี้ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่วิทยาการตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายและประสานไปยังท้องที่ต่างๆ ว่ามีท้องที่ใดมีการรับแจ้งรถหายไว้บ้าง เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป